ตอนที่ 5 อกกตัญญู

by ปลามังกร 15:21,Oct 20,2020
เมื่อคิดเรื่องที่นี้ ผมรีบลุกขึ้น

ร่างกายมีแรงขึ้นแล้ว แต่พอยืนขึ้นก็เวียนหัว สายตาก็ไม่ชัด คอแห้งมาก และรู้สึกคลื่นไส้ด้วย

ไม่มีแรงจะตามเธอออกไปได้

ผมหยิบโทรศัพท์ และเดินเกาะกำแพงเข้าไปในห้องน้ำ เปิดน้ำล้างหน้า และดื่มน้ำไปสองสามอึก เมื่อรู้สึกดีขึ้นแล้วก็รีบตามออกไป

เมื่อถึงชั้นล่าง พอวิ่งถึงประตูโรงแรม ผมเห็นไป๋เหว่ยกำลังเดินกลับเข้ามาในโรงแรมกับตำรวจอีกสองคน

“ก็คือเขา” ไป๋เหว่ยชี้มาที่ผมจากระยะไกลด้วยเสียงดังๆ

ผมไม่ทันได้พูดหรือด่าอะไร และไม่ทันได้อธิบายอะไร ตำรวจสองคนก็ตรงมาที่ผมแล้วจับผมกดกับพื้น

“ไม่ใช่ผม พวกคุณจับผิดคนแล้ว”ผมเงยหน้าขึ้นและพยายามส่งเสียง พร้อมดิ้นขัดขืน

แต่มืของผมถูกตำรวจกดลงที่พื้นแน่นขยับไม่ได้เลย

ไม่ว่าผมจะตะโกน หรืออธิบายไปแค่ไหน พวกเขาก็ไม่ได้สนใจและไม่ปล่อยผม

มีผู้คนจำนวนมากมายืนมุงดู ชี้มาที่ผมและซุบซิบกันเกี่ยวกับผม

ผมเงยหน้าขึ้นอย่างยากลำบาก เห็นไป๋เหว่ยกับตำรวจกำลังขึ้นรถตำรวจที่จอดอยู่ข้างถนน

ไม่นาน ก็มีรถตำรวจอีกคันขับมาจอด มีตำรวจสองสามคนลงมาแล้วจับตัวผมยัดเข้าไปในรถ

ผมมาถึงสถานีตำรวจ แล้วเล่าเรื่องราวทั้งหมดอยู่สองสามรอบ ทำการตรวจร่างกายและตรวจปัสสาวะ ผลออกมาว่ามีส่วนผสมของยาอยู่ในร่างกาย แต่ยังคงถูกควบคุมตัว

ผมเชื่อว่าครั้งนี้ผมจะไม่ถูกต้องโทษอีก เพราะผมไม่ได้สัมผัสไป๋เหว่ยแน่นอน อีกอย่างในโรงแรมก็มีกล้องวงจรปิดอยู่ คงจะมีภาพเล่ยหยุนเป่าและคนของเขาถูกกล้องบันทึกไว้

แต่หลังจากที่อยู่สถานีตำรวจมาแล้วหนึ่งวัน ตำรวจก็ประกาศให้ผมถูกคุมขังต่อ เป็นผู้ต้องหาคดีข่มขืน

เพราะกล้องวงจรปิดบันทึกได้ว่า ขณะที่ผมบุกเข้าไป เล่ยหยุนเป่าออกมาข้างนอกแล้ว ซึ่งหลักฐานปัจจุบันที่มีไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเล่ยหยุนเป่าต้องการข่มขืนไป๋เหว่ย และก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้เช่นกันว่าผมมาช่วยเธอไว้

ส่วนไป๋เหว่ย ให้การโดยตรงว่าผมอยากข่มขืนเธอ นอกจากพบว่าแขนผมอยู่บนหน้าอกของเธอหลังจากที่เธอตื่น บวกกับผมมีพฤษติกรรมและมีคำพูดที่ผมทำในห้องทำงานของเธอส่อไปในทางนั้น

หลังจากนั้น ตำรวจพาผมไปสถานกักขังที่สกปรกและมืด

ผมโกรธและอยุติธรรม คร้ังแล้วครั้งเล่าพูดกับตำรวจ ผมอยากพบกับไป๋เหว่ย

ผมโกรธจัด อัดอั้น ผมพูดกับตำรวจครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อขอพบไป๋เหว่ย

สุดท้ายได้พบกับไป๋เหว่ย เธอยืนอยู่ข้างนอกห้องขัง และสวมแว่นตาดำ มองไม่เห็นแววตาของเธอ

“ไป๋เหว่ย ผมไม่ได้ข่มขืนคุณ เรื่องที่ผมพูดกับตำรวจก็เป็นความจริง คุณลองคิดดูดีดีว่าใครนัดกับคุณให้ออกมาคุยเกี่ยวกับธุรกิจ”ผมพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

“คนที่นัดกับฉัน ไม่ใช่คนของนายหรอ?”เธอพูดอย่างเย็นชา

“คนของผม?”ผมรู้สึกโกรธ“คุณไม่ได้ดูกล้องหรอ ไม่เห็นเขาและเล่ยหยุนเป่าพาคุณขึ้นมาบนห้องหรอ ไม่เห็นพวกเขาโดนผมไล่ออกมาหรอ พวกเขาต่างหากที่สมรู้ร่วมคิดกัน”

“ฉันรู้ว่าพวกเขาเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด แต่ฉันสงสัยว่านายเป็นพวกเดียวกับเขา”
คำพูดของไป๋เหว่ยทำให้ผมโกรธมาก สองมือของผมจับลูกกรงเหล็กจนแน่น

“คุณตาบอดรึไง ผมเป็นพวกเดียวกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ เมื่อสามปีก่อนผมทำร้ายเล่ยหยุนเป่าก็เพราะคุณ แล้วยังต้องติดคุกอีก แล้วจะไปเป็นพวกเดี๋ยวกับเขาได้บังไง เหี้ยเอ้ย”

“เพราะพวกนายทั้งสองมีเป้าหมายเดียวกัน เล่ยหยุนเป่าพูดเรื่องทำนองนี้กับฉัน นายก็เหมือนกัน อย่าลืมคำที่นายพูดกับปากตัวเอง”

“คุณบ้ารึเปล่า ผมพูดพล่อยๆไปงั้นแหละ คิดว่าผมอยากมีอะไรกับคุณจริงๆหรอ อย่าคิดว่าตัวองเลิศเลอมาจากไหน ตรงนั้นของคุณเป็นทองหรือว่า.......”

“ฟางหยาง”เธอพูดขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงเย็นชา“สามปีที่แล้วฉันไม่รู้ว่านายติดคุก ฉันอยากจะชดเชยให้นาย แต่นายอยากทำเรื่องแบบนั้นกับฉัน…….เห่อ เห่อ นายแตกต่างกับพวกเขาตรงไหน ก็พวกข่มขืนคนอื่นเหมือนกัน!"

พูดจบเธอก็เดินออกไปข้างนอก

"คนที่ข่มขืน"สามคำนี้สะกิดใจผมอย่างแรง ผมจับลูกกรงด้วยความโกรธ

"ไป๋เหว่ย คุณรู้ตัวคุณดีว่าเมื่อคืนผมได้ทำอะไรคุณรึเปล่า นอกจากจะไม่สำนึกบุญคุณแล้ว ยังกินบนเรือนขี้รดบนหลังคา"

"การพยายามข่มขืนก็เพียงพอที่จะทำให้นายต้องติดคุกไปอีกสองสามปีแล้ว"

เธอเดินออกไปโดยไม่หันหลังกลับมามองผมอีก

ผมเหมือนสัตว์ร้ายที่โกรธ สาปแช่งผู้หญิงคนนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าและในขณะเดียวกันก็ด่าตัวเองทำไมผมต้องช่วยเธอด้วย ปล่อยให้เขาสองคนข่มขืนเธอไม่ดีกว่าหรือ

ผมต้องทนทุกข์อยู่ในคุกวันแล้ววันเล่าเพื่อรอฟังผลตัดสิน

สิบวันผ่านไป ในที่สุดก็ถึงวันที่ผมรอคอย ตำรวจสอบปากคำผมอีกครั้ง หลังจากตรวจสอบหลักฐานอีกครั้ง พวกเขาก็ให้ผมเซ็นเอกสาร

จากนั้นพวกเขาก็บอกผมว่า พวกเขาจับเล่ยหยุนเป่าและผู้สมรู้ร่วมคิดกับเขาได้แล้ว ทั้งสองคนสารภาพผิด นอกจากผมจะพ้นจากการเป็นผู้ต้องสงสัยแล้ว ผมยังได้รับคำชมและได้รับเงินสดเป็นรางวัลอีกด้วย

ผมไม่ได้รับเงิน ผมรีบเรียกรถแท็กซี่ไปบริษัท

ผมต้องการไปคิดบัญชีกับไป๋เหว่ย

ให้ผู้หญิงคนนี้ได้รับสิ่งที่เธอสมควรได้รับ ไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ตาม

แต่เมื่อผมถึงบริษัท พบว่าไป๋เหว่ยไปประเทศไทยกับทีมโครงการแล้ว

ผมยังถูกไล่ออกจากบริษัทโดยไม่มีเหตุผล

ผมรีบไปที่สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง แล้วหาคนช่วย ผมยอมจ่ายเงินแปดร้อยหยวนเพื่อให้เขาช่วยเร่งทำหนังสือเดินทางให้ผม

คดีทำร้ายร่างกายไม่มีผลกระทบต่อการเดินทางออกนอกประเทศ สามารถทำหนังสือเดินทางได้ ยอมจ่ายเงินเพิ่มก็เพราะอยากได้แบบเร่งด่วน

ผ่านไปสามวัน ผมก็ได้รับหนังสือเดินทาง ผมเอาเงินห้าพันหยวนมาแลกเป็นเงินไทย หยิบบัตรทำงานตำแหน่งผู้ช่วยไป๋เหว่ยมาด้วย แล้วก็บินไปยังจังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย

บินถึงเชียงใหม่ก็เป็นช่วงเย็นแล้ว หลังจากทำวีซ่าเสร็จ ผมก็ไล่โทรหาโรงแรมทั้งสี่แห่งที่ผมลิทไว้

ในช่วงสองวันที่ทำงาน ผมได้ดูกำเนิดการของทีมโครงการที่จะไปเมืองไทย ผมรู้ว่าเป้าหมายของบริษัทคือบริษัทสิ่งทอขนาดใหญ่ ผมรู้ด้วยว่าทีมโครงการมีโรงแรมสี่แห่งที่จะเลือกเข้าพัก

ด้วยความสามารถด้านภาษาไทยและเอกลักษณ์พิเศษของผม ผมจึงได้ถามเกี่ยวกับโรงแรมที่ทีมโครงการพัก แล้วแสดงหนังสือเดินทางและใบอนุญาตทำงานและถามได้หมายเลขห้องของไป๋เหว่ยที่แผนกต้อนรับ

เวลาประมาณสี่ทุ่มตรง ผมเคาะประตูห้องของไป๋เหว่ย

"ใคร"ไป๋เหว่ยใช้ภาษาอังกฤษถาม

"ฟางหยาง"ผมตอบอย่างเย็นชา

ภายในห้องมีแต่ความเงียบ

"ให้เวลาคุณหนึ่งนาที ถ้าคุณไม่เปิดประตู ผมจะทำให้เรื่องราวของคุณเมื่อสามปีที่แล้วและช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมาเป็นที่รู้จักไปทั่ว ผมจะตะโกนด่าคุณที่ชั้นล่างของโรมแรม และผมจะไปที่บริษัทสิ่งทอนั้นไปบอกเรื่องของคุณทั้งหมด ผมรับประกันว่าคุณจะพลาดงานโครงการนี้แน่นอน”

"นายจะทำอะไร"น้ำเสียงเธอก็เย็นชาเหมือนกัน

"คุยกับผม"

“ฉันได้รับโทรศัพท์จากตำรวจ รู้ว่านายไม่ได้ทำเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นและนายไม่ได้เป็นพวกเดียวกันกับเล่ยหยุนเป่า ฉันเข้าใจผิด ฉันขอโทษนายและต้องขอขอบคุณนายมากๆ แต่ ... ระหว่างเราไม่จำเป็นต้องคุยกัน"

"คุณยังมีเวลาอีก30วินาที"

ภายในมีแต่ความเงียบอีกครั้ง

ตอนผมนับถอยหลังถึงสาม ประตูห้องก็ถูกเปิดออก

ผมเปิดประตูออก แล้วเดินเข้าไป ปิดประตูและห้อยโซ่กันขโมย

"นายอยากจะคุยอะไร"

ไป๋เหว่ยสวมชุดนอนสีขาว แสดงร่างที่สง่างาม มือทั้งสองข้างกอดอก สีหน้าเย็นชา

แต่สีหน้าเย็นชาของเธอไม่สามารถปกปิดความกังวลในดวงตาของเธอได้

ผมไม่ได้พูดอะไร แต่ค่อยๆเดินเข้าไปหาเธอ ปลดกระดุมเสื้อโค้ชของผมออก

"นาย........นายจะทำอะไร"เธอถอยหนีด้วยความตื่นตระหนก

ผมถอดเสื้อโยนมันลงบนพื้น ผลักเธอไปที่มุม เธอมองผมด้วยความโกรธ

ผมกดมือเธอไว้เหนือหัวของเธอ แล้วกดเข่าของผมไว้ระหว่างขาเธอเพื่อไม่ให้เธอขยับ

เธอตกใจมาก เธอมองผมด้วยความตกใจพร้อมกับอ้าปากกว้าง

ใบหน้าผมเข้าไปใกล้ มองใกล้ๆใบหน้าสวยงามของเธอ ดวงตาเธอที่ทั้งหวาดกลัวและโกรธ

เธอสูญเสียความเย่อหยิ่งและความเยือกเย็นในอดีต ตัวสั่นไปหมดใบหน้าของเธอแดงจนถึงคอ แรงหายใจออกจากปากอย่างรวดเร็วกระทบใบหน้าของผม

ลมหายใจนั้นทำให้ร่างกายของผมเดือดพล่าน

"ประธานไป๋ พลิกตัวนอนพิงกำแพง แล้วดึงกระโปรงขึ้น!"














Download APP, continue reading

Chapters

482