ตอนที่ 436 หมาป่ามาเเล้ว
by ปลามังกร
08:01,Apr 01,2021
ทันทีที่เสร็จจ้าวซูเหิงก็เข้าใจขึ้นนิดหน่อยผมลุกขึ้นยืนจ้าวซูเหิงก็อุทาน"ที่แท้นายกำลังใช้ประโยชน์จากการเพิ่มพื้นที่เพื่อลดความดันนายเลยนืรบนหิมะได้โดยไม่จมสินะ"
คนอื่นก็ค่อยๆพยักหน้าหูเจี้ยนทำท่าครุ่นคิดหานเหม่ยฉีก็ปิดปากด้วยความประหลาดใจ
ผมยิ้มและพูดว่า"นายเป็นคนรวยยังรู้เรื่องแบบนี้เหรอเนี่ย"
จ้าวซูเหิงพูดอย่างเหยียดหยามว่า"ตอนที่ฉันเล่นอยู่บนภูเขาหิมะไงนายไม่รู้แล้วทำไมอีกอย่างนี่ไม่ใช่หลักการเดียวกับการลากเลื่อนเหรอ?"
ผมหัวเราะเสียงเบา"มาสิทุกคนมาทำอันนี้เปลี่ยนตอนกลางวันไม่งั้นเดินท่ามกลางหิมะจะไม่สะดวก"
เพราะกองกิ่งไม้ที่ปากทางเข้าถ้ำถูกผมล้มไปหน่อยด้วยเหตุนี้เลยต้องออกไปข้างนอกแล้วหาพวกกิ่งไม้แห้งแถวนี้เราจะได้มีอุปกรณ์ครบชุด
ทุกคนติดตั้งขาตั้งกล้องและเราก็เริ่มเคลียร์หิมะนอกถ้ำแต่หลังจากทำความสะอาดแล้วเราทุกคนกลับเงียบ
ข้างหน้าของเรามีซากสัตว์หลายตัวที่ถูกแช่แข็งมานาน
และซากศพทั้งสามเรายังคุ้นเคยกันดีมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่เหมือนใครบนเกาะนี้หมาป่าสีเทาตัวใหญ่แต่ละตัวมีความยาวลำตัวประมาณ1.5เมตรรวมสามตัว
เราตรวจสอบบาดแผลซากศพหมาป่าสีเทาพวกนี้ตายเพราะการโจมตีไม่มีวี่แววว่าจะดิ้นรนยกเว้นรอยฟันขนาดใหญ่ที่คอส่วนอื่นยังคงสภาพเดิม
เพียงแค่มองไปก็สามารถรู้ได้ว่าสัตว์ที่ฆ่าพวกมันมีกำลังในการกัดมากถึงจะเป็นสิงโตหรือเสือก็ฆ่าพวกมันทั้งสามได้ในครั้งเดียว
เราศึกษาบาดแผลที่คอของหมาป่าทั้งสามตัวอย่างถี่ถ้วนรอยฟันนั้นแคบและคมราวกับถูกกรีดด้วยมีดถ้าเดาไม่ผิดน่าจะเป็นหนึ่งในนักล่าอันดับต้นๆบนเกาะนี้คงระดับเดียวกับงูหลามในทะเลนั่น
ที่ทำให้เราไม่เข้าใจมากขึ้นก็คือหลังจากนักล่าลึกลับตัวนั้นฆ่าหมาป่าสีเทาทั้งสามตัวก็กินเฉพาะหัวใจและส่วนที่อร่อยอื่นๆเนื้อส่วนอื่นๆไม่ได้แตะเลย
มันเป็นเรื่องดีสำหรับเราแต่มันยังหมายถึงสถานะของนักล่าลึกลับตัวนี้ไม่เพียงแต่แรงเยอะเท่านั้นแต่ยังเลือกกินอีกด้วย
เพื่อให้สามารถเลี้ยงร่างกายที่มีกำลังขนาดนี้ก็ต้องใช้พลังงานมากขึ้นด้วย
ทุกคนเดาถึงความจริงนี้ได้เราต่างหายใจไม่ทั่วท้องอีกเรื่องที่ทำให้เรากลัวคือศพของหมาป่าสีเทาทั้งสามตัวนี้เจออยู่ไม่ไกลจากถ้ำของเรา
แต่ก่อนเคยมองโลกของสัตว์ก็เจออย่างหนึ่งเมื่อสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงนักล่าจะเปลี่ยนดินแดนของพวกมันและนักล่าลึกลับตัวนี้ส่วนใหญ่เป็นเพราะพายุหิมะเลยวิ่งมาทางเราจากที่ไหนสักแห่งบนเกาะ
แต่ถ้าเมื่อนักล่าลึกลับนั่นเจอเราผลที่ตามมาก็ไม่อาจเดาได้
เมื่อคิดว่าตอนนี้มีนักล่าที่มีกำลังมากยึดครองห่วงโซ่อาหารของเกาะคอยเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของเราในความมืดผมอดไม่ได้ที่เหงื่อซึมตามแผ่นหลัง
ผมกลืนน้ำลายและพูดว่า"ไม่อย่างนั้นเอางี้เราจะไม่ออกไปล่าสัตว์ในวันนี้ซากศพของหมาป่าสีเทาสามตัวนี้พอให้เราใช้ไปอีกนาน"
ไม่มีการคัดค้านไม่มีใครอยากไปเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตที่ไม่รู้จักและทรงพลังแบบนั้น
เราลากศพหมาป่าสีเทาทั้งสามกลับเข้าไปในถ้ำพูดตามตรงใช้วิธีเดียวกับการกำจัดขนและอวัยวะภายในและสิ่งสกปรกอื่นๆแล้วย่างกินรสชาติก็อร่อยดี
โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีการย่างเนื้อของหูเจี้ยนที่ไม่เหมือนใครเห็นได้ชัดว่าทุกคนย่างเนื้อด้วยไฟแต่เนื้อที่เขาย่างทำให้เรารู้สึกอร่อยมากขึ้น
คุณภาพเนื้อของเนื้อหมาป่าเข้มข้นกว่าเนื้อสุนัขไม่นิ่มขนาดนั้นแต่เราต่างก็โลภหมาป่าสีเทาสามตัวเตือนความจำแต่ละตัวเปรียบได้กับอลาสก้ารวมกับซุปบางอย่างที่ทำจากผักป่าในความพยายามของเราวันเดียวก็หมดไปส่วนใหญ่
กระดูกหมาป่าตัวนี้เดิมทีผมอยากจะหยิบมันไปโยนทิ้งแต่ไม่คิดว่าหูเจี้ยนจะรั้งผมไว้แต่หลังจากที่เรากินเสร็จก็เห็นว่าหูเจี้ยนยังคงยุ่งอยู่ข้างๆชั้นวางกองไฟไม่นานก็มีกลิ่นหอมลอยมา
เราแปลกใจหูเจี้ยนนำหม้อใบเล็กมาวางและพูดว่า"นี่คือซุปกระดูกหมาป่า
เรามองไปที่หม้อต้องบอกว่าในฐานะนักล่าเก่าบนภูเขาหูเจี้ยนนี่ครบครันกระดูกพวกนี้ถูกเคี่ยวจนหอมเราที่กินอิ่มแล้วแต่ก็อดไม่ได้ที่จะยกขึ้นดื่ม
สภาพอากาศที่เต็มไปด้วยหิมะซุปกระดูกหมาป่านึ่งชามไม่ต้องพูดถึงสบายแต่รวมถึงไป๋เหว่ยอยู่ข้างๆนี่คือชีวิตในอุดมคติของผมเลย
แต่วันเวลาก็ต้องผ่านไปเนื้อหมาป่าก็ต้องถูกกินจนหมดในวันหนึ่งจากนั้นสามวันจะมีกระดูกหมาป่าเหลืออยู่ในถ้ำเพียงไม่กี่ชิ้นเนื้อหมาป่าก็เข้าท้องของเรา
แต่บ่อยครั้งที่ลมหิมะหนักขึ้นเรื่อยๆถึงจะมีกองไฟก็ยังรู้สึกมีลมเย็นๆพัดเข้ามาจากภายนอกเป็นระยะ
ฉันหาเวลาไปเอาพวกกิ่งไม้ใหญ่จากด้านนอกมัดเข้าด้วยกันด้วยเชือกและกั้นไว้ที่ทางเข้าถ้ำใกล้เหมือนเป็นประตูบานใหญ่
ต้องรู้ว่าเดิมทีปากถ้ำของเราหันหน้าออกสู่ทะเลนอกปากทางมีความกว้างคล้ายถนนเล็กๆเว้นแต่จะเป็นสัตว์ที่รูปร่างเหมือนมนุษย์และรู้วิธีใช้เครื่องมือจำพวกลิงไรทำนอนนั้นถ้าสัตว์อื่นคงตกหน้าผาไป
ในเวลานี้ทุกคนค่อยๆลืมนักล่าลึกลับนั่นที่คาดเดาในวันนั้น
อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไปยังไงอันตรายที่เลี่ยงไม่ได้ก็ต้องตามมา
พวกเรากำลังนอนหลับทันใดนั้นก็มีเสียงร้องที่คุ้นเคยดังขึ้นรอบๆเสียงนั้นดังผ่านพายุหิมะมาถึงแก้วหูของพวกเราพวกเราทุกคนตื่นขึ้นจากการหลับใหลและมองหน้ากันด้วยใบหน้าซีดเซียว
หานเหม่ยฉีพูดอย่างประหลาดใจ"มีหมาป่าล้อมพวกเราเยอะเหรอ?"
ใช่มันเป็นเสียงร้องของหมาป่าฝูงใหญ่ที่ปลุกเราให้ตื่นขึ้นครั้งก่อนผมบอกว่าสัตว์อย่างหมาป่านั้นไม่ควรไปยั่วโมโหมันไม่อย่างนั้นแม้แต่สิงโตและเสือก็ยังรู้สึกยากไม่ต้องพูดถึงเราเลย
ผมกลืนน้ำลายและพูดว่า"ถ้าเราได้ยินไม่ผิดมันก็ใช่"
ผมเดินไปที่ทางเข้าถ้ำเพื่อฟ้งแต่ยิ่งได้ยินก็ยิ่งตกใจเสียงหมาป่าหอนเข้ามาใกล้มากขึ้นและยิ่งเยอะมากขึ้นด้วยที่ทำขนหัวลุกคือฝูงหมาป่านี่เหมือนจะมุ่งหน้ามาทางเรา
เสียงรอบข้างดูเหมือนจะจางหายไปมีเพียงหมาป่าที่ดุร้ายเท่านั้นที่เข้าหูและมันดูน่าดูหวาดกลัวมากขึ้น
เมื่อเสียงหอนของหมาป่าใกล้เข้ามาเรื่อยๆฝ่ามือผมที่ถือปืนลูกซองก็เริ่มเหงื่อออก
หูเจี้ยนยกหอกไม้ขึ้นอย่างเงียบๆและมองไปที่ช่องว่างเล็กๆเหนือหัว
จ้าวซูเหิงที่กลัวมากขึ้นก็หยิบหอกไม้ขึ้นมา"เชี่ยเอ๊ยฟางหยางพวกเราต้องจัดการพวกลูกหมาป่าพวกนี้!”
คนอื่นก็ค่อยๆพยักหน้าหูเจี้ยนทำท่าครุ่นคิดหานเหม่ยฉีก็ปิดปากด้วยความประหลาดใจ
ผมยิ้มและพูดว่า"นายเป็นคนรวยยังรู้เรื่องแบบนี้เหรอเนี่ย"
จ้าวซูเหิงพูดอย่างเหยียดหยามว่า"ตอนที่ฉันเล่นอยู่บนภูเขาหิมะไงนายไม่รู้แล้วทำไมอีกอย่างนี่ไม่ใช่หลักการเดียวกับการลากเลื่อนเหรอ?"
ผมหัวเราะเสียงเบา"มาสิทุกคนมาทำอันนี้เปลี่ยนตอนกลางวันไม่งั้นเดินท่ามกลางหิมะจะไม่สะดวก"
เพราะกองกิ่งไม้ที่ปากทางเข้าถ้ำถูกผมล้มไปหน่อยด้วยเหตุนี้เลยต้องออกไปข้างนอกแล้วหาพวกกิ่งไม้แห้งแถวนี้เราจะได้มีอุปกรณ์ครบชุด
ทุกคนติดตั้งขาตั้งกล้องและเราก็เริ่มเคลียร์หิมะนอกถ้ำแต่หลังจากทำความสะอาดแล้วเราทุกคนกลับเงียบ
ข้างหน้าของเรามีซากสัตว์หลายตัวที่ถูกแช่แข็งมานาน
และซากศพทั้งสามเรายังคุ้นเคยกันดีมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่เหมือนใครบนเกาะนี้หมาป่าสีเทาตัวใหญ่แต่ละตัวมีความยาวลำตัวประมาณ1.5เมตรรวมสามตัว
เราตรวจสอบบาดแผลซากศพหมาป่าสีเทาพวกนี้ตายเพราะการโจมตีไม่มีวี่แววว่าจะดิ้นรนยกเว้นรอยฟันขนาดใหญ่ที่คอส่วนอื่นยังคงสภาพเดิม
เพียงแค่มองไปก็สามารถรู้ได้ว่าสัตว์ที่ฆ่าพวกมันมีกำลังในการกัดมากถึงจะเป็นสิงโตหรือเสือก็ฆ่าพวกมันทั้งสามได้ในครั้งเดียว
เราศึกษาบาดแผลที่คอของหมาป่าทั้งสามตัวอย่างถี่ถ้วนรอยฟันนั้นแคบและคมราวกับถูกกรีดด้วยมีดถ้าเดาไม่ผิดน่าจะเป็นหนึ่งในนักล่าอันดับต้นๆบนเกาะนี้คงระดับเดียวกับงูหลามในทะเลนั่น
ที่ทำให้เราไม่เข้าใจมากขึ้นก็คือหลังจากนักล่าลึกลับตัวนั้นฆ่าหมาป่าสีเทาทั้งสามตัวก็กินเฉพาะหัวใจและส่วนที่อร่อยอื่นๆเนื้อส่วนอื่นๆไม่ได้แตะเลย
มันเป็นเรื่องดีสำหรับเราแต่มันยังหมายถึงสถานะของนักล่าลึกลับตัวนี้ไม่เพียงแต่แรงเยอะเท่านั้นแต่ยังเลือกกินอีกด้วย
เพื่อให้สามารถเลี้ยงร่างกายที่มีกำลังขนาดนี้ก็ต้องใช้พลังงานมากขึ้นด้วย
ทุกคนเดาถึงความจริงนี้ได้เราต่างหายใจไม่ทั่วท้องอีกเรื่องที่ทำให้เรากลัวคือศพของหมาป่าสีเทาทั้งสามตัวนี้เจออยู่ไม่ไกลจากถ้ำของเรา
แต่ก่อนเคยมองโลกของสัตว์ก็เจออย่างหนึ่งเมื่อสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงนักล่าจะเปลี่ยนดินแดนของพวกมันและนักล่าลึกลับตัวนี้ส่วนใหญ่เป็นเพราะพายุหิมะเลยวิ่งมาทางเราจากที่ไหนสักแห่งบนเกาะ
แต่ถ้าเมื่อนักล่าลึกลับนั่นเจอเราผลที่ตามมาก็ไม่อาจเดาได้
เมื่อคิดว่าตอนนี้มีนักล่าที่มีกำลังมากยึดครองห่วงโซ่อาหารของเกาะคอยเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของเราในความมืดผมอดไม่ได้ที่เหงื่อซึมตามแผ่นหลัง
ผมกลืนน้ำลายและพูดว่า"ไม่อย่างนั้นเอางี้เราจะไม่ออกไปล่าสัตว์ในวันนี้ซากศพของหมาป่าสีเทาสามตัวนี้พอให้เราใช้ไปอีกนาน"
ไม่มีการคัดค้านไม่มีใครอยากไปเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตที่ไม่รู้จักและทรงพลังแบบนั้น
เราลากศพหมาป่าสีเทาทั้งสามกลับเข้าไปในถ้ำพูดตามตรงใช้วิธีเดียวกับการกำจัดขนและอวัยวะภายในและสิ่งสกปรกอื่นๆแล้วย่างกินรสชาติก็อร่อยดี
โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีการย่างเนื้อของหูเจี้ยนที่ไม่เหมือนใครเห็นได้ชัดว่าทุกคนย่างเนื้อด้วยไฟแต่เนื้อที่เขาย่างทำให้เรารู้สึกอร่อยมากขึ้น
คุณภาพเนื้อของเนื้อหมาป่าเข้มข้นกว่าเนื้อสุนัขไม่นิ่มขนาดนั้นแต่เราต่างก็โลภหมาป่าสีเทาสามตัวเตือนความจำแต่ละตัวเปรียบได้กับอลาสก้ารวมกับซุปบางอย่างที่ทำจากผักป่าในความพยายามของเราวันเดียวก็หมดไปส่วนใหญ่
กระดูกหมาป่าตัวนี้เดิมทีผมอยากจะหยิบมันไปโยนทิ้งแต่ไม่คิดว่าหูเจี้ยนจะรั้งผมไว้แต่หลังจากที่เรากินเสร็จก็เห็นว่าหูเจี้ยนยังคงยุ่งอยู่ข้างๆชั้นวางกองไฟไม่นานก็มีกลิ่นหอมลอยมา
เราแปลกใจหูเจี้ยนนำหม้อใบเล็กมาวางและพูดว่า"นี่คือซุปกระดูกหมาป่า
เรามองไปที่หม้อต้องบอกว่าในฐานะนักล่าเก่าบนภูเขาหูเจี้ยนนี่ครบครันกระดูกพวกนี้ถูกเคี่ยวจนหอมเราที่กินอิ่มแล้วแต่ก็อดไม่ได้ที่จะยกขึ้นดื่ม
สภาพอากาศที่เต็มไปด้วยหิมะซุปกระดูกหมาป่านึ่งชามไม่ต้องพูดถึงสบายแต่รวมถึงไป๋เหว่ยอยู่ข้างๆนี่คือชีวิตในอุดมคติของผมเลย
แต่วันเวลาก็ต้องผ่านไปเนื้อหมาป่าก็ต้องถูกกินจนหมดในวันหนึ่งจากนั้นสามวันจะมีกระดูกหมาป่าเหลืออยู่ในถ้ำเพียงไม่กี่ชิ้นเนื้อหมาป่าก็เข้าท้องของเรา
แต่บ่อยครั้งที่ลมหิมะหนักขึ้นเรื่อยๆถึงจะมีกองไฟก็ยังรู้สึกมีลมเย็นๆพัดเข้ามาจากภายนอกเป็นระยะ
ฉันหาเวลาไปเอาพวกกิ่งไม้ใหญ่จากด้านนอกมัดเข้าด้วยกันด้วยเชือกและกั้นไว้ที่ทางเข้าถ้ำใกล้เหมือนเป็นประตูบานใหญ่
ต้องรู้ว่าเดิมทีปากถ้ำของเราหันหน้าออกสู่ทะเลนอกปากทางมีความกว้างคล้ายถนนเล็กๆเว้นแต่จะเป็นสัตว์ที่รูปร่างเหมือนมนุษย์และรู้วิธีใช้เครื่องมือจำพวกลิงไรทำนอนนั้นถ้าสัตว์อื่นคงตกหน้าผาไป
ในเวลานี้ทุกคนค่อยๆลืมนักล่าลึกลับนั่นที่คาดเดาในวันนั้น
อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไปยังไงอันตรายที่เลี่ยงไม่ได้ก็ต้องตามมา
พวกเรากำลังนอนหลับทันใดนั้นก็มีเสียงร้องที่คุ้นเคยดังขึ้นรอบๆเสียงนั้นดังผ่านพายุหิมะมาถึงแก้วหูของพวกเราพวกเราทุกคนตื่นขึ้นจากการหลับใหลและมองหน้ากันด้วยใบหน้าซีดเซียว
หานเหม่ยฉีพูดอย่างประหลาดใจ"มีหมาป่าล้อมพวกเราเยอะเหรอ?"
ใช่มันเป็นเสียงร้องของหมาป่าฝูงใหญ่ที่ปลุกเราให้ตื่นขึ้นครั้งก่อนผมบอกว่าสัตว์อย่างหมาป่านั้นไม่ควรไปยั่วโมโหมันไม่อย่างนั้นแม้แต่สิงโตและเสือก็ยังรู้สึกยากไม่ต้องพูดถึงเราเลย
ผมกลืนน้ำลายและพูดว่า"ถ้าเราได้ยินไม่ผิดมันก็ใช่"
ผมเดินไปที่ทางเข้าถ้ำเพื่อฟ้งแต่ยิ่งได้ยินก็ยิ่งตกใจเสียงหมาป่าหอนเข้ามาใกล้มากขึ้นและยิ่งเยอะมากขึ้นด้วยที่ทำขนหัวลุกคือฝูงหมาป่านี่เหมือนจะมุ่งหน้ามาทางเรา
เสียงรอบข้างดูเหมือนจะจางหายไปมีเพียงหมาป่าที่ดุร้ายเท่านั้นที่เข้าหูและมันดูน่าดูหวาดกลัวมากขึ้น
เมื่อเสียงหอนของหมาป่าใกล้เข้ามาเรื่อยๆฝ่ามือผมที่ถือปืนลูกซองก็เริ่มเหงื่อออก
หูเจี้ยนยกหอกไม้ขึ้นอย่างเงียบๆและมองไปที่ช่องว่างเล็กๆเหนือหัว
จ้าวซูเหิงที่กลัวมากขึ้นก็หยิบหอกไม้ขึ้นมา"เชี่ยเอ๊ยฟางหยางพวกเราต้องจัดการพวกลูกหมาป่าพวกนี้!”
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.readmeapps.com All rights reserved