ตอนที่ 431 เครื่องบินเกิดอุบัติเหตุ
by ปลามังกร
08:01,Apr 01,2021
เมื่อเวลาผ่านไปช้าๆอาหารก็ยิ่งขาดแคลนขึ้นแม้ว่าพวกเราจะมีปืนออกไปข้างนอกด้วยอาวุธครบครันแต่อาหารยิ่งอยู่ก็ยิ่งน้อยลงจนกระทั่งบางวันที่ออกไปแม้แต่สัตว์ป่าซักตัวยังไม่เจอเลย
นานๆทีที่จะมีกระต่ายป่าโผล่ออกมาบ้างพวกเราก็รีบฆ่ามันเอากลับไปทำซุปกระต่ายแต่ก็ได้แค่นั้นเอง
และพวกเราก็เรียนรู้วิธีทำเกลือจากน้ำทะเลมันง่ายมากพวกเรามีไฟดังนั้นจึงต้องการแค่น้ำทะเลซึ่งมีน้ำทะเลที่ไม่มีวันหมดถึงแม้จะหยาบๆแต่พวกเราก็ไม่ต้องกินอาหารจืดๆเหมือนแค่ก่อนอีกแล้ว
ที่สำคัญก็คือพวกเราสามารถหมักเนื้อได้
ในช่วงเวลาที่ผ่านมาพวกเราก็ประสบความสำเร็จในการปลูกมันเทศแม้ว่าจะมีน้อยแต่พวกเราก็พยายามอดกลั้นความอยากกินตอนปลูกผักในครั้งที่สองพวกเราก็ทำแปลงผักที่อยู่ห่างจากถ้ำไม่ไกลมากสายตาที่มองเห็นมันเทศเยอะขึ้นเรื่อยๆความรู้สึกของพวกเราเองก็ดีขึ้นเรื่อยๆเช่นเดียวกัน
และเมื่อฤดูหนาวผ่านไปพวกเราก็พบว่ายิ่งเข้าไปลึกอุณหภูมิของเกาะแปลกๆแห่งนี้ก็ยิ่งสูงขึ้น
สามารถพูดได้ว่าถ้าฤดูหนาวครั้งหน้ามาถึงพวกเราเดินเข้าปใกล้ใจกลางของเกาะห้าสิบเมตรอุณหภูมิก็จะคงที่เหมือนเมื่อวันก่อน
แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่การพูดเท่านั้นเองใครๆก็รู้ว่าอุณหภูมิบนเกาะแตกต่างกันมากพวกเราสามารถใช้วิธีนี้ในการลดผลกระทบของอุณหภูมิแตพวกเราต้องการที่พักซึ่งยังคงมีแค่ถ้ำข้างทะเลแห่งนี้เท่านั้น
มาถึงวันนี้ผมก็เข้าใจแล้วว่าเหตุผลที่พวกเราเจอสัตว์ป่าใหญ่ๆน้อยมากเป็นเพราะอะไรแรกเริ่มเป็นเพราะผมโชคดีไม่ได้เจอต่อมาพวกเรารวมกลุ่มสามคนก่อนที่สัตว์ดุร้ายจะมาพวกเราก็ต้องไตร่ตรองกันสามคน
แน่นอนว่าเหตุผลหลักเป็นเพราะยิ่งเข้าใกล้ใจกลางของเกาะมากเท่าไหร่อุณหภูมิจะยิ่งสูงขึ้นสัตว์ใหญ่จำนวนมากก็เลยไปอาศัยอยู่ใกล้ๆใจกลางของเกาะ
หลังจากผ่านช่วงที่หนาวที่สุดไปแล้วพวกเราออกไปข้างนอกอีกครั้งหลังจากกลับมาแล้วหานเหม่ยฉีก็มาพร้อมข่าวดี
หานเหม่ยฉีตื่นเต้นจนหน้าแดงกระโดดโลดเต้นและพูดว่า"ฉันและไป๋เหว่ยเจอซากเครื่องบินที่ชายหาด"
"ซากเครื่องบิน?"
พวกเรายากที่จะเชื่อและรีบวางถ้วยลงโดยไม่ได้นัดหมายหลังจากนั้นก็ฟังหานเหม่ยฉีเล่า
ช่วงที่ใช้ชีวิตด้วยกันมาพวกเราดูออกว่าหานเหม่ยฉีและหูเจี้ยนมีเรื่องอะไรปิดบังพวกเราอยู่แต่พวกเขาไม่ยอมพูดพวกเราก็ไม่มีความจำเป็นที่จะถามสรุปแล้วพวกเขาเข้ากับกลุ่มของพวกเราได้ดี
หานเหม่ยฉีพูดว่า"พวกเราไปตากเกลือที่ชายหาดก็เลยดูไปด้วยว่าในทะเลมีปลาหรือกุ้งอะไรบ้างมั้ยอยากจะเอากลับมาทำอาหารพวกเราเตรียมจะเดินขึ้นเขาไปดูเดิมทีบนเขาไม่มีอะไรเลยแต่ตอนที่พวกเราขึ้นไปแล้วก็พบว่ามีซากเครื่องบินอยู่ครึ่งหนึ่ง"
ผมตะลึง"ครึ่งหนึ่ง?"
ไป๋เหว่ยพูดต่อว่า"ใช่ครึ่หนึ่งของซากเครื่องบินเป็นส่วนหัวส่วนหางของเครื่องบินไม่รู้ไปไหนแต่ถ้าพวกเราจำไม่ผิดล่ะก็ที่หัวของเครื่องบินมีหมายเลขอยู่หนึ่งในนั้นก็เหมือนกับที่ฟางหยางเคยเห็นก่อนหน้านี้"
หมายเลขที่ผมเคยเห็นก่อนหน้านี้?
ผมหน้าซีดฉากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ปรากฏขึ้นในสมองของผม
ผมพูดว่า"หมายความว่าพวกเขาเป็นเครื่องบินกู้ภัยที่เกิดอุบัติเหตุ?"
ไป๋เหว่ยพยักหน้าหานเหม่ยฉีพูดแปลกๆว่า"ทำไมพวกนายไม่ดีใจกันหล่ะ?รีบยิ้มสิ!พวกนายดูสิแม้ว่าเครื่องบินลำนั้นจะเกิดอุบัติหตุแต่ก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุพวกเขาต้องแจ้งขอความช่วยเหลือหรือแจ้งข่าวอะไรบ้างแล้วก็แสดงว่าโลกภายนอกรู้จักที่ที่พวกเราอยู่ตอนนี้แล้วอีกไม่นานพวกเราก็ไม่ต้องมาติดอยู่ที่นี่อีกแล้ว!"
หานเหม่ยฉีพูดไปด้วยกระโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้นไปด้วยแต่เธอกลับพบว่าแม้แต่หูเจี้ยนที่ตามใจเธอมากๆยังเงียบ
หูเจี้ยนลังเลอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า"เหม่ยฉีที่พวกเราบอกกับคุณอก่อนหน้านี้ที่จริงพวกเราโกหกคุณโลกภายนอกรู้ว่าพวกเราอยู่ที่นี่แต่สถานที่แห่งนี้แปลกประหลาดไปหน่อยพวกเราออกไปไม่ได้คนจากโลกภายนอกก็เข้ามาไม่ได้ด้วยเหตุนี้พวกเราก็เลยต้องติดอยู่ที่นี่"
ขณะนั้นหานเหม่ยฉีก็ชะงักไปต่อมาดวงตาของเธอก็แดงก่ำและพูดว่า"นายหมายความว่าต่อไปนี้พวกเราจะไม่ได้กลับไปอีกแล้วหรอ?"
หูเจี้ยนพูดว่า"ไม่ใช่ความหมายของผมก็คือบางทีวิธีที่พวกเราจะไปจากที่นี่ได้อาจจะเป็นความลับถ้าพวกเราแก้ไขความลับนั้นได้พวกเราก็จะไปจากเกาะนี้ได้"
หานเหม่ยฉีร้องไห้ออกมาแม้แต่ผมเห็นแล้วยังรู้สึกสงสารไม่สงสัยเลยว่าทำไมผู้หญิงคนนี้มักจะดูไร้เดียงสาและร่าเริงและไม่มีความคิดแง่ลบตอนนี้เพิ่งจะได้เข้าใจที่แท้เพราะหูเจี้ยนใช้คำพูดที่สวยงามมาโกหกเป็นการปกปิดความจริงกับเธอเพื่อไม่ให้เธอเสียใจ
แต่ตอนนี้ทุกอย่างถูกเปิดเผยแล้วหานเหม่ยฉีกลับยังคงรับไม่ได้
ไป๋เหว่ยลูบหัวหานเหม่ยฉีเบาๆหานเหม่ยฉีพุ่งตัวเข้าหาหน้าอกของไป๋เหว่ยสองมือกอดไป๋เหว่ยไว้
ผมถอนหายใจและพูดว่า"ไม่ว่าอย่างไรก็ตามพวกเราต้องหาเวลาไปดูซากเครื่องบินลำนั้นกันหน่อยจะปล่อยทิ้งไว้ตรงนั้นเฉยๆไม่ได้"
หูเจี้ยนยังคงเงียบอยู่จ้าวซูเหิงเข้ามาเสริม"ใช่ใช่พวกเราควรจะรีบไปดูไม่แน่บนเครื่องบินอาจจะมีอะไรที่ทำให้พวกเราติดต่อกับโลกภายนอกได้ถ้ามีก็จะดีมากแม้ว่าจะไม่มีก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ของพวกเราอีกอย่างหากบนเครื่องบินลำนั้นมีสิ่งของที่พวกเราเอามาใช้ได้งั้นไม่ดีหรอ?"
พูดแล้วก็ทำจริงๆในเมื่อจ้าวซูเหิงพูดมาแบบนั้นแล้วคนอื่นๆก็ไม่มีใครโต้แย้งแน่นอนว่าข้ามคำพูดเล็กๆน้อยๆไปพวกเราก็เลยนัดเวลาตอนบ่ายเพื่อที่จะออกไปดูซากเครื่องบินที่เกิดอุบัติเหตุลำนั้น
เพราะเป็นความจริงที่เห็นและสิ่งที่ร่างกายเห็นมักเป็นความจริงที่สัมผัสได้
และหลังจากที่ผมแบ่งหน้าที่เรียบร้อยแล้วทุกคนก็ไม่มีใครโต้แย้งแม้แต่หานเหม่ยฉีก็ตอบตกลงทั้งๆที่ยังร้องไห้อยู่
ผมแอบดีงหูเจี้ยนมาอีกด้านหนึ่งและพูดเบาๆว่า"ตอนนี้นายยังไม่ยอมบอกความสัมพันธ์ระหว่างนายกับหานเหม่ยฉีอีก?"
หูเจี้ยนพูดว่า"ความสัมพันธ์อะไร?พวกเราเป็นเพื่อนร่วมงานทั่วๆไปกันไง"
ผมยิ้มและพูดว่า"พวกนายเป็นเพื่อนร่วมงานทั่วๆไปกันพวกเราดูไม่ออกกกันหรอไง?นายพูดมาตามตรงเลยดีกว่านายเป็นห่วงเธอซะขนาดนี้ถ้าไม่ได้คิดอะไรกับเธองั้นก็ต้องเป็นญาติสายเลือดเดียวกันกับเธอ"
"................."
เจี้ยนหูไม่พูดผมก็เลยพูดว่า"หรือว่านายเป็นพ่อของเธอที่หายไปหลายปี?"
ขณะนั้นเองสีหน้าของหูเจี้ยนก็เริ่มแดงขึ้น"ใครใครเป็นคนพูดไม่ใช่ซักหน่อย"
หลังจากที่เงียบอยู่ครู่หนึ่งหูเจี้ยนก็พูดเซ็งๆว่า"ช่างเถอะฉันบอกนายตามตรงเลยแล้วกันที่จริงฉันเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยแต่ไม่ได้สังกัดบริษัทใดบริษัทหนึ่งแต่เป็นผู้รักษาความปลอดภัยของตระกูลหานและเป็นพ่อบ้านคนรองของพวกเขาส่วนหานเหม่ยฉีเป็นคุณหนูคนรองของตระกูลหานเดิมทีพวกเราจะไปเจรจาธุระที่ประเทศไทยคิดไม่ถึงว่าจะเจออากาศแปรปรวนซะก่อน"
ผมพยักหน้าว่าทำไมช่วงที่ผ่านมาหูเจี้ยนถึงดูเชื่อฟังและเคารพหานเหม่ยฉีมากจะบอกเป็นคนรับใช้ก็ไม่เหมือนจะบอกว่าเป็นคนรักก็ไม่ใช่ผมก็แปลกใจมาตลอดพอเขาอธิบายแบบนี้ก็เข้าใจทันทีที่แท้เป็นความสัมพันธ์แบบนี้นี่เอง
นานๆทีที่จะมีกระต่ายป่าโผล่ออกมาบ้างพวกเราก็รีบฆ่ามันเอากลับไปทำซุปกระต่ายแต่ก็ได้แค่นั้นเอง
และพวกเราก็เรียนรู้วิธีทำเกลือจากน้ำทะเลมันง่ายมากพวกเรามีไฟดังนั้นจึงต้องการแค่น้ำทะเลซึ่งมีน้ำทะเลที่ไม่มีวันหมดถึงแม้จะหยาบๆแต่พวกเราก็ไม่ต้องกินอาหารจืดๆเหมือนแค่ก่อนอีกแล้ว
ที่สำคัญก็คือพวกเราสามารถหมักเนื้อได้
ในช่วงเวลาที่ผ่านมาพวกเราก็ประสบความสำเร็จในการปลูกมันเทศแม้ว่าจะมีน้อยแต่พวกเราก็พยายามอดกลั้นความอยากกินตอนปลูกผักในครั้งที่สองพวกเราก็ทำแปลงผักที่อยู่ห่างจากถ้ำไม่ไกลมากสายตาที่มองเห็นมันเทศเยอะขึ้นเรื่อยๆความรู้สึกของพวกเราเองก็ดีขึ้นเรื่อยๆเช่นเดียวกัน
และเมื่อฤดูหนาวผ่านไปพวกเราก็พบว่ายิ่งเข้าไปลึกอุณหภูมิของเกาะแปลกๆแห่งนี้ก็ยิ่งสูงขึ้น
สามารถพูดได้ว่าถ้าฤดูหนาวครั้งหน้ามาถึงพวกเราเดินเข้าปใกล้ใจกลางของเกาะห้าสิบเมตรอุณหภูมิก็จะคงที่เหมือนเมื่อวันก่อน
แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่การพูดเท่านั้นเองใครๆก็รู้ว่าอุณหภูมิบนเกาะแตกต่างกันมากพวกเราสามารถใช้วิธีนี้ในการลดผลกระทบของอุณหภูมิแตพวกเราต้องการที่พักซึ่งยังคงมีแค่ถ้ำข้างทะเลแห่งนี้เท่านั้น
มาถึงวันนี้ผมก็เข้าใจแล้วว่าเหตุผลที่พวกเราเจอสัตว์ป่าใหญ่ๆน้อยมากเป็นเพราะอะไรแรกเริ่มเป็นเพราะผมโชคดีไม่ได้เจอต่อมาพวกเรารวมกลุ่มสามคนก่อนที่สัตว์ดุร้ายจะมาพวกเราก็ต้องไตร่ตรองกันสามคน
แน่นอนว่าเหตุผลหลักเป็นเพราะยิ่งเข้าใกล้ใจกลางของเกาะมากเท่าไหร่อุณหภูมิจะยิ่งสูงขึ้นสัตว์ใหญ่จำนวนมากก็เลยไปอาศัยอยู่ใกล้ๆใจกลางของเกาะ
หลังจากผ่านช่วงที่หนาวที่สุดไปแล้วพวกเราออกไปข้างนอกอีกครั้งหลังจากกลับมาแล้วหานเหม่ยฉีก็มาพร้อมข่าวดี
หานเหม่ยฉีตื่นเต้นจนหน้าแดงกระโดดโลดเต้นและพูดว่า"ฉันและไป๋เหว่ยเจอซากเครื่องบินที่ชายหาด"
"ซากเครื่องบิน?"
พวกเรายากที่จะเชื่อและรีบวางถ้วยลงโดยไม่ได้นัดหมายหลังจากนั้นก็ฟังหานเหม่ยฉีเล่า
ช่วงที่ใช้ชีวิตด้วยกันมาพวกเราดูออกว่าหานเหม่ยฉีและหูเจี้ยนมีเรื่องอะไรปิดบังพวกเราอยู่แต่พวกเขาไม่ยอมพูดพวกเราก็ไม่มีความจำเป็นที่จะถามสรุปแล้วพวกเขาเข้ากับกลุ่มของพวกเราได้ดี
หานเหม่ยฉีพูดว่า"พวกเราไปตากเกลือที่ชายหาดก็เลยดูไปด้วยว่าในทะเลมีปลาหรือกุ้งอะไรบ้างมั้ยอยากจะเอากลับมาทำอาหารพวกเราเตรียมจะเดินขึ้นเขาไปดูเดิมทีบนเขาไม่มีอะไรเลยแต่ตอนที่พวกเราขึ้นไปแล้วก็พบว่ามีซากเครื่องบินอยู่ครึ่งหนึ่ง"
ผมตะลึง"ครึ่งหนึ่ง?"
ไป๋เหว่ยพูดต่อว่า"ใช่ครึ่หนึ่งของซากเครื่องบินเป็นส่วนหัวส่วนหางของเครื่องบินไม่รู้ไปไหนแต่ถ้าพวกเราจำไม่ผิดล่ะก็ที่หัวของเครื่องบินมีหมายเลขอยู่หนึ่งในนั้นก็เหมือนกับที่ฟางหยางเคยเห็นก่อนหน้านี้"
หมายเลขที่ผมเคยเห็นก่อนหน้านี้?
ผมหน้าซีดฉากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ปรากฏขึ้นในสมองของผม
ผมพูดว่า"หมายความว่าพวกเขาเป็นเครื่องบินกู้ภัยที่เกิดอุบัติเหตุ?"
ไป๋เหว่ยพยักหน้าหานเหม่ยฉีพูดแปลกๆว่า"ทำไมพวกนายไม่ดีใจกันหล่ะ?รีบยิ้มสิ!พวกนายดูสิแม้ว่าเครื่องบินลำนั้นจะเกิดอุบัติหตุแต่ก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุพวกเขาต้องแจ้งขอความช่วยเหลือหรือแจ้งข่าวอะไรบ้างแล้วก็แสดงว่าโลกภายนอกรู้จักที่ที่พวกเราอยู่ตอนนี้แล้วอีกไม่นานพวกเราก็ไม่ต้องมาติดอยู่ที่นี่อีกแล้ว!"
หานเหม่ยฉีพูดไปด้วยกระโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้นไปด้วยแต่เธอกลับพบว่าแม้แต่หูเจี้ยนที่ตามใจเธอมากๆยังเงียบ
หูเจี้ยนลังเลอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า"เหม่ยฉีที่พวกเราบอกกับคุณอก่อนหน้านี้ที่จริงพวกเราโกหกคุณโลกภายนอกรู้ว่าพวกเราอยู่ที่นี่แต่สถานที่แห่งนี้แปลกประหลาดไปหน่อยพวกเราออกไปไม่ได้คนจากโลกภายนอกก็เข้ามาไม่ได้ด้วยเหตุนี้พวกเราก็เลยต้องติดอยู่ที่นี่"
ขณะนั้นหานเหม่ยฉีก็ชะงักไปต่อมาดวงตาของเธอก็แดงก่ำและพูดว่า"นายหมายความว่าต่อไปนี้พวกเราจะไม่ได้กลับไปอีกแล้วหรอ?"
หูเจี้ยนพูดว่า"ไม่ใช่ความหมายของผมก็คือบางทีวิธีที่พวกเราจะไปจากที่นี่ได้อาจจะเป็นความลับถ้าพวกเราแก้ไขความลับนั้นได้พวกเราก็จะไปจากเกาะนี้ได้"
หานเหม่ยฉีร้องไห้ออกมาแม้แต่ผมเห็นแล้วยังรู้สึกสงสารไม่สงสัยเลยว่าทำไมผู้หญิงคนนี้มักจะดูไร้เดียงสาและร่าเริงและไม่มีความคิดแง่ลบตอนนี้เพิ่งจะได้เข้าใจที่แท้เพราะหูเจี้ยนใช้คำพูดที่สวยงามมาโกหกเป็นการปกปิดความจริงกับเธอเพื่อไม่ให้เธอเสียใจ
แต่ตอนนี้ทุกอย่างถูกเปิดเผยแล้วหานเหม่ยฉีกลับยังคงรับไม่ได้
ไป๋เหว่ยลูบหัวหานเหม่ยฉีเบาๆหานเหม่ยฉีพุ่งตัวเข้าหาหน้าอกของไป๋เหว่ยสองมือกอดไป๋เหว่ยไว้
ผมถอนหายใจและพูดว่า"ไม่ว่าอย่างไรก็ตามพวกเราต้องหาเวลาไปดูซากเครื่องบินลำนั้นกันหน่อยจะปล่อยทิ้งไว้ตรงนั้นเฉยๆไม่ได้"
หูเจี้ยนยังคงเงียบอยู่จ้าวซูเหิงเข้ามาเสริม"ใช่ใช่พวกเราควรจะรีบไปดูไม่แน่บนเครื่องบินอาจจะมีอะไรที่ทำให้พวกเราติดต่อกับโลกภายนอกได้ถ้ามีก็จะดีมากแม้ว่าจะไม่มีก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ของพวกเราอีกอย่างหากบนเครื่องบินลำนั้นมีสิ่งของที่พวกเราเอามาใช้ได้งั้นไม่ดีหรอ?"
พูดแล้วก็ทำจริงๆในเมื่อจ้าวซูเหิงพูดมาแบบนั้นแล้วคนอื่นๆก็ไม่มีใครโต้แย้งแน่นอนว่าข้ามคำพูดเล็กๆน้อยๆไปพวกเราก็เลยนัดเวลาตอนบ่ายเพื่อที่จะออกไปดูซากเครื่องบินที่เกิดอุบัติเหตุลำนั้น
เพราะเป็นความจริงที่เห็นและสิ่งที่ร่างกายเห็นมักเป็นความจริงที่สัมผัสได้
และหลังจากที่ผมแบ่งหน้าที่เรียบร้อยแล้วทุกคนก็ไม่มีใครโต้แย้งแม้แต่หานเหม่ยฉีก็ตอบตกลงทั้งๆที่ยังร้องไห้อยู่
ผมแอบดีงหูเจี้ยนมาอีกด้านหนึ่งและพูดเบาๆว่า"ตอนนี้นายยังไม่ยอมบอกความสัมพันธ์ระหว่างนายกับหานเหม่ยฉีอีก?"
หูเจี้ยนพูดว่า"ความสัมพันธ์อะไร?พวกเราเป็นเพื่อนร่วมงานทั่วๆไปกันไง"
ผมยิ้มและพูดว่า"พวกนายเป็นเพื่อนร่วมงานทั่วๆไปกันพวกเราดูไม่ออกกกันหรอไง?นายพูดมาตามตรงเลยดีกว่านายเป็นห่วงเธอซะขนาดนี้ถ้าไม่ได้คิดอะไรกับเธองั้นก็ต้องเป็นญาติสายเลือดเดียวกันกับเธอ"
"................."
เจี้ยนหูไม่พูดผมก็เลยพูดว่า"หรือว่านายเป็นพ่อของเธอที่หายไปหลายปี?"
ขณะนั้นเองสีหน้าของหูเจี้ยนก็เริ่มแดงขึ้น"ใครใครเป็นคนพูดไม่ใช่ซักหน่อย"
หลังจากที่เงียบอยู่ครู่หนึ่งหูเจี้ยนก็พูดเซ็งๆว่า"ช่างเถอะฉันบอกนายตามตรงเลยแล้วกันที่จริงฉันเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยแต่ไม่ได้สังกัดบริษัทใดบริษัทหนึ่งแต่เป็นผู้รักษาความปลอดภัยของตระกูลหานและเป็นพ่อบ้านคนรองของพวกเขาส่วนหานเหม่ยฉีเป็นคุณหนูคนรองของตระกูลหานเดิมทีพวกเราจะไปเจรจาธุระที่ประเทศไทยคิดไม่ถึงว่าจะเจออากาศแปรปรวนซะก่อน"
ผมพยักหน้าว่าทำไมช่วงที่ผ่านมาหูเจี้ยนถึงดูเชื่อฟังและเคารพหานเหม่ยฉีมากจะบอกเป็นคนรับใช้ก็ไม่เหมือนจะบอกว่าเป็นคนรักก็ไม่ใช่ผมก็แปลกใจมาตลอดพอเขาอธิบายแบบนี้ก็เข้าใจทันทีที่แท้เป็นความสัมพันธ์แบบนี้นี่เอง
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.readmeapps.com All rights reserved