ตอนที่ 420 เตือน
by ปลามังกร
08:01,Mar 30,2021
พวกเราชะงักไปและรู้ว่าหลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้นไป๋เหว่ยหน้าแดงก่ำและพูดว่า"สองคนนี้ไม่มีความละอายก็ช่างเหอะแต่ดูท่าแล้วเก็บพวกเขาไว้ไม่ได้แน่ๆ"
ผมพูดว่า"งั้นพวกเราไปดูแถวโน้นก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยกลับมาจัดการพวกเขาสองคน"
พูดจบพวกเราก็เดินอ้อมไปอีกด้านเดินผ่านป่าไปที่ชายหาดอีกด้านหนึ่งพูดตามตรงผมคิดไม่ถึงจริงๆว่าหลังจากที่ผมหักปลาแบ่งให้พวกเขาครึ่งหนึ่งคนที่ชื่อหวังกางคนนั้นยังมีวามกล้าคิดจะเอาคืนผมเอาคืนผมก็ยังไม่เท่าไหร่แต่ยังคิดจะข่มขืนไป๋เหว่ยด้วย
ไป๋เหว่ยเป็นสิ่งต้องห้ามของผมในเมื่อหวังกางไม่สนใจชีวิตตัวเองงั้นผมก็จัดให้
แต่เมื่อพวกเรามาถึงชายหาดแต่ผมและไป๋เหว่ยกลับพบกับสิ่งที่ไม่เหมือนเดิม
พวกเราเดินตรงไปที่ชาดหาดข้างหน้าแต่มีคนหนึ่งนอนอยู่บนชายหาด
แต่ตอนที่ผมเห็นคนนั้นผมรู้สึกได้ว่ามีอะไรแปลกๆเพราะไม่เพียงแค่เขานอนในท่าแปลกๆไม่ขยับตัว
มีสิทธิ์ที่จะเป็นคนตายแล้ว
ไป๋เหว่ยขมวดคิ้วผมรีบเดินไปก่อนไม่นานก็มาถึงข้างหน้าของคนตาย
เขาสวมเสื้อสีเทาหน้าบวมเพราะโดนน้ำทะเลซัดแทบจะดูไม่ออกว่าหน้าตาเดิมเป็นอย่างไรแต่ที่โชคดีก็คือเขามีรูปร่างที่แตกต่างกับจ้าวซูเหิงมากผมก็เลยโล่งใจ
อุบัติเหตุเครื่องบินตกในครั้งนี้ร้ายแรงจริงๆผมไม่สามารถช่วยทุกคนได้ผมแค่ต้องการปกป้องไป๋เหว่ยให้ดีและหวังว่าจ้าวซูเหิงจะปลอดภัยเท่านั้นเอง
เขาสะพายเป้ใบหนึ่งผมทนความน่ารังเกียจและสะอิดสะเอียนเปิดกระเป๋าของเขาดูคิดไม่ถึงว่าเจอมีดที่ใช้หั่นผลไม้เล็กๆและเจอตั๋วเครื่องบินที่โดนน้ำจนเปื่อยผมหยิบมาดูเป็นคนที่นั่งเครื่องลำเดียวกับพวกเราจริงๆแต่เห็นว่าไม่ได้นั่งบิสสิเนสเหมือนพวกเรา
เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่ใช่จ้าวซูเหิงผมก็ยังมีความหวังภายในใจไม่รู้ว่าเกาะแห่งนี้ใหญ่ขนาดไหนผมและไป๋เหว่ยอยู่มาสองวันแล้วแต่ผมแน่ใจว่าพื้นที่ที่เราไปตามหายังไม่ถึงหนึ่งในสิบของพื้นที่เกาะ
และสิ่งที่สำคัญก็คือวันนี้พวกเราเจอพวกของหวังกางสองคนนั้นไม่แน่ต่อไปอาจจะได้เจอคนอื่นๆที่ยังมีชีวิตอยู่
เพื่อช่วยทำให้ความหวังสุดท้ายของคนตายเป็นจริงผมก็เลยทนความน่างรังเกียจและกลิ่นเหม็นลากร่างของเขาไปที่ขอบของชาดหาดและหาที่ที่มีดินนิ่มๆขุดหลุมและฝั่งร่างของเขา
ผมพูดว่า"โอเคเกือบจะได้เวลาแล้วพวกเราไปเก็บผลไม้แล้วกลับไปกันเถอะ"
ไป๋เหว่ยพยักหน้าและเดินตามผมมา
พวกเราเก็บผลไม้ป่าซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะกินได้มั้ยผมใส่ไว้ในถุงกางเกงและเดินตรงไปยังกองไฟพวกเขาทั้งสองคนนั้นผมจะฆ่าวังแก๊งโดยไม่มีข้อสงสัยใดใดเพราะเขาคนนี้มีเจตนาร้ายก็เหมือนลูกกระสุนปืนถ้าเก็บมันไว้ไม่รู้ว่ามันจะระเบิดขึ้นมาวันไหน
ตอนนี้พวกเราอยู่บนเกาะพอดีนอกจากไป๋เหว่ยก็ไม่มีใครเห็นและยิ่งไม่มีคนมาเอาผิดผมได้
ตอนเดินมาใกล้ถึงชายหาดผมก็มองลอดพุ่มไม้ออกไปรอดูอยู่ประมาณสี่ห้านาทีหยวนหรงไม่ได้ถอดกางเกงจนหมดเผยให้เห็นก้นครึ่งหนึ่งส่วนวังแก๊งก็กำลังปฏิบัติภารกิจ
ผมยังพอได้แต่เมื่อไป๋เหว่ยเห็นภาพนั้นเธอก็หันหน้าไปมองทางอื่น
ไม่นานข้างๆกองไฟก็มีเสียงร้องดังขึ้นมาผ่านไปสองนาทีผมเขย่าพุ่มไม้เพื่อต้องการให้พวกเขารู้ว่าพวกเรากลับมาแล้ว
และเมื่อพวกเราสองคนเดินออกมาจากพุ่มไม้พวกเขาก็เก็บร่องรอยทุกอย่างเสร็จหมดแล้ววังแก๊งนั่งอยู่ด้วยท่าทางเป็นสุภาพบุรุษหยวนหรงผมยุ่งเหยิงหน้าแดงก่ำ
ผมยิ้มและหยิบผลไม้ออกมาจากถุงกางเกงวางไว้บนพื้น"ถ้าพวกคุณกระหายน้ำก็กินอันนี้สิ"
วังแก๊งหยิบไปลูกหนึ่งเขาเช็ดๆให้สะอาดตอนที่กำลังจะอ้าปากกินเขาก็หยุดชะงักและถามว่า"พวกคุณกินแล้วยัง?ผลไม้บางชนิดในป่ามันกินไม่ได้นะ"
แน่นอนว่าพวกเรายังไม่ได้กินแม้แต่ผลไม้ที่เก็บมานี้มีพิษมั้ยก็ยังไม่รู้
ผมพูดว่า"ยังไม่ได้กิน"
"หา?อะไรนะ?"
วังแก๊งชะงักไปต่อมาสีหน้าเขาก็เปลี่ยนและด่าด้วยความโกรธว่า"แม่งเอ้ยแกโกหกฉันหรอ?"
ผมไม่ได้รอให้เขาพูดจบผมยกเท้าถีบไปที่เขาวังแก๊งเองก็มีท่าทีโต้ตอบรวดเร็วเขากลิ้งตัวไปข้างๆเพื่อหลบเท้าของผม
ผมยิ้มเย็นชาและพูดว่า"ฉันไม่ได้แค่จะโกหกแกแต่จะฆ่าแกด้วย"
คำโบราณพูดว่าฉวยโอกาสตอนที่เขาป่วยฆ่าเขานี่เป็นการเปิดศึกอย่างจริงจังของวังแก๊งตอนนี้ร่างกายของวังแก๊งอ่อนแอและเป็นช่วงที่จิตใจย่ำแยไม่มีชีวิตชีวาหยวนหรงยังไม่มีท่าทีตอบสนองวังแก๊งก็โดนผมต่อยไปหลายทีแถมยังโดนผมมเตะอีกหลายทีด้วยทำให้จมูกและหน้าของเขาบวม
ผมกระชากคอเสื้อของเขาไม่สนใจกลิ่มเหม็นๆจากเนื้อตัวของเขาสีหน้าวังแก๊งแดงมากแดงเหมือนตับหมูเขาดิ้นไม่หยุดแต่ผมจะปล่อยให้เขามีโอกาสที่ไหนกัน
ขณะนั้นเองหยวนหรงถึงได้สติตะโกนออกมาด้วยความตกใจ"ฟาง...ฟางหยางคุณจะทำอะไร?"
ผมยิ้มเย็นชาและพูดว่า"คำพูดเมื่อกี้พี่พวกคุณพูดกันตอนนี้ลืมไปแล้วหรอ?คุณคิดว่าผมจะทำอะไรหล่ะในเมื่อพวกคุณมองน้ำใจของผมเป็นเจตนาร้ายงั้นผมก็จะพาพวกคุณไปที่ทางช้างเผือก"
พูดจบผมก็ลากวังแก๊งทิ้งลงบนชายหาดแล้วใช้เท้าเยียบไว้ที่ท้องของเขาขณะนั้นเองดวงตาของเขาก็เบิกโพรงถลนออกมาปากก็อ้วกสิ่งที่เพิ่งกินเข้าไปออกมาไม่หยุดน่ารังเกียจมากๆและเขาก็สูญเสียกำลังในการต่อสู้ทั้งหมด
หยวนหรงตกตะลึงเมื่อได้สติเธอก็จะเข้ามาตีผมโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นผมหันหน้าไปจ้องเธอและพูดว่า"ถ้าเธออยากตายด้วยงั้นก็เข้ามา"
หยวนหรงโดนผมขู่เธอก็เลยยืนอยู่ที่เดิมหลังจากนั้นก็คุกเข่าลงบนพื้นและร้องไห้ออกมา
ผมขมวดคิ้วและพูดว่า"วังแก๊งยังไม่ตายเธอจะร้องทำไม?"
ตามจริงตอนแรกที่ผมได้ยินวังแก๊งพูดว่าจะข่มขืนไป๋เหว่ยตอนนี้ผมบู่มบ่ามอยากจะฆ่าเขาแต่มาตอนนี้คิดๆแล้วทั้งสองคนนี้น่าสงสารเหมือนกันในเมื่อพวกเขาเองก็เจอเครื่องบินตกและได้มาอยู่บนเกาะนี้แล้วทำไมต้องฆ่าพวกเขาด้วย
ด้วยเหตุนี้ผมเลยจัดการเขาแบบนี้และก็ถือว่าเป็นการให้โอกาสเขาอีกครั้ง
แต่ถ้าหลังจากนี้ผมได้เจอพวกเขาสองคนอีกและพวกเขายังคงมีความคิดร้ายๆอีกก็อย่ามาหาว่าผมใจดำอำมหิตก็แล้วกัน
ผมดึงไป๋เหว่ยเดินเข้าไปในป่าส่วนหยวนหรงก็คุกเข่าร้องไห้อยู่ข้างๆวังแก๊ง
พวกเรากลับมานั่งหลังพุ่มไม้อีกครั้งเมื่อแน่ใจว่าทั้งสองคนไม่ได้ตามพวกเรามาผมและไป๋เหว่ยก็กลับไปที่พัก
ไป๋เหว่ยพูดว่า"ฟางหยางพวกเขาสองคนนั้นถ้าหลังจากนี้เจอกันอีกนายต้องระวังตัวมากๆนะ"
ผมมองไป๋เหว่ยยิ้มและพูดว่า"โอ้ตอนนี้ประธานไป๋เริ่มเป็นห่วงผมแล้ว"
ไป๋เหว่ยพูดดวยความเกลียดชังว่า"แต่ก่อนฉันไม่เป็นห่วงนายรึไง?ฉันจะบอกนายว่า...."
ระหว่างพูดอยู่สีหน้าของไป๋เหว่ยก็ไม่ค่อยจะดีนัก"คนที่ชื่อวังแก๊งคนนั้นทำให้ฉันรู้สึกว่าเขาเหมือนเล่ยหยุนเป่ามาก"
"เล่ยหยุนเป่า?"
จู่ๆสมองของผมก็กลับไปคิดถึงเรื่องราวแต่ก่อนผู้ชายอ้วยคนนั้นต้องการจะข่มขืนไป๋เหว่ยและโดนผมขัดขวางต่อมาเล่ยหยุนเป่าก็มาเอาคืนผม
ผมพยักหน้าและพูดว่า"สบายใจได้ถ้าครั้งหน้าเจอพวกเขาอีกแล้วพวกเขายังเป็นแบบนี้อยู่ผมไม่มีทางใจอ่อนแน่ๆ"
พูดจบผมก็จับมือของไป๋เหว่ยและพูดว่า"พูดตามตรงเวลาก็ผ่านไปสองสามวันแล้วแต่ตอนนี้ยังไม่มีทีมค้นหาหรือทีมกู้ภัยผมสงสัยว่าพวกเราอาาจะต้องอยู่ที่นี่กันอีกนาน"
ไป๋เหว่ยพยักหน้า"ในเมื่อเป็นแบบนี้งั้นพวกเราก็ไปดับไฟข้างนอกซะวันนี้พวกเราเจอพวกของวังแก๊งสองคนนั้นก็แสดงว่าบนเกาะแห่งนี้ยังมีคนอื่นอยู่ด้วยถ้าต้องเจอคนแบบนี้อีกแล้วพวกเราจุดไฟสว่างขนาดนี้ก็เหมือนเป็นการเปิดเผยตำแหน่งของเรา"
ผมออกไปดับไฟที่จริงถ้ำตรงนี้เป็นพื้นที่ที่ดีมากมันอยู่ในซอกมุมพอดีด้านหน้าจะมองไม่เห็น
ด้านหลังเป็นหน้าผาเรียบด้านขวามีป่าไม้ซึ่งข้างหลังเป็นทะเลข้างๆด้านขวากลับมีทางเดินเล็กๆที่มองไม่เห็นได้ง่ายๆสถานที่ดีดีแบบนี้ถ้าต้องโดนคนอื่นพบเข้าเพียงเพราะกองไฟก็น่าเสียดายมากๆ
ผมพูดว่า"งั้นพวกเราไปดูแถวโน้นก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยกลับมาจัดการพวกเขาสองคน"
พูดจบพวกเราก็เดินอ้อมไปอีกด้านเดินผ่านป่าไปที่ชายหาดอีกด้านหนึ่งพูดตามตรงผมคิดไม่ถึงจริงๆว่าหลังจากที่ผมหักปลาแบ่งให้พวกเขาครึ่งหนึ่งคนที่ชื่อหวังกางคนนั้นยังมีวามกล้าคิดจะเอาคืนผมเอาคืนผมก็ยังไม่เท่าไหร่แต่ยังคิดจะข่มขืนไป๋เหว่ยด้วย
ไป๋เหว่ยเป็นสิ่งต้องห้ามของผมในเมื่อหวังกางไม่สนใจชีวิตตัวเองงั้นผมก็จัดให้
แต่เมื่อพวกเรามาถึงชายหาดแต่ผมและไป๋เหว่ยกลับพบกับสิ่งที่ไม่เหมือนเดิม
พวกเราเดินตรงไปที่ชาดหาดข้างหน้าแต่มีคนหนึ่งนอนอยู่บนชายหาด
แต่ตอนที่ผมเห็นคนนั้นผมรู้สึกได้ว่ามีอะไรแปลกๆเพราะไม่เพียงแค่เขานอนในท่าแปลกๆไม่ขยับตัว
มีสิทธิ์ที่จะเป็นคนตายแล้ว
ไป๋เหว่ยขมวดคิ้วผมรีบเดินไปก่อนไม่นานก็มาถึงข้างหน้าของคนตาย
เขาสวมเสื้อสีเทาหน้าบวมเพราะโดนน้ำทะเลซัดแทบจะดูไม่ออกว่าหน้าตาเดิมเป็นอย่างไรแต่ที่โชคดีก็คือเขามีรูปร่างที่แตกต่างกับจ้าวซูเหิงมากผมก็เลยโล่งใจ
อุบัติเหตุเครื่องบินตกในครั้งนี้ร้ายแรงจริงๆผมไม่สามารถช่วยทุกคนได้ผมแค่ต้องการปกป้องไป๋เหว่ยให้ดีและหวังว่าจ้าวซูเหิงจะปลอดภัยเท่านั้นเอง
เขาสะพายเป้ใบหนึ่งผมทนความน่ารังเกียจและสะอิดสะเอียนเปิดกระเป๋าของเขาดูคิดไม่ถึงว่าเจอมีดที่ใช้หั่นผลไม้เล็กๆและเจอตั๋วเครื่องบินที่โดนน้ำจนเปื่อยผมหยิบมาดูเป็นคนที่นั่งเครื่องลำเดียวกับพวกเราจริงๆแต่เห็นว่าไม่ได้นั่งบิสสิเนสเหมือนพวกเรา
เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่ใช่จ้าวซูเหิงผมก็ยังมีความหวังภายในใจไม่รู้ว่าเกาะแห่งนี้ใหญ่ขนาดไหนผมและไป๋เหว่ยอยู่มาสองวันแล้วแต่ผมแน่ใจว่าพื้นที่ที่เราไปตามหายังไม่ถึงหนึ่งในสิบของพื้นที่เกาะ
และสิ่งที่สำคัญก็คือวันนี้พวกเราเจอพวกของหวังกางสองคนนั้นไม่แน่ต่อไปอาจจะได้เจอคนอื่นๆที่ยังมีชีวิตอยู่
เพื่อช่วยทำให้ความหวังสุดท้ายของคนตายเป็นจริงผมก็เลยทนความน่างรังเกียจและกลิ่นเหม็นลากร่างของเขาไปที่ขอบของชาดหาดและหาที่ที่มีดินนิ่มๆขุดหลุมและฝั่งร่างของเขา
ผมพูดว่า"โอเคเกือบจะได้เวลาแล้วพวกเราไปเก็บผลไม้แล้วกลับไปกันเถอะ"
ไป๋เหว่ยพยักหน้าและเดินตามผมมา
พวกเราเก็บผลไม้ป่าซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะกินได้มั้ยผมใส่ไว้ในถุงกางเกงและเดินตรงไปยังกองไฟพวกเขาทั้งสองคนนั้นผมจะฆ่าวังแก๊งโดยไม่มีข้อสงสัยใดใดเพราะเขาคนนี้มีเจตนาร้ายก็เหมือนลูกกระสุนปืนถ้าเก็บมันไว้ไม่รู้ว่ามันจะระเบิดขึ้นมาวันไหน
ตอนนี้พวกเราอยู่บนเกาะพอดีนอกจากไป๋เหว่ยก็ไม่มีใครเห็นและยิ่งไม่มีคนมาเอาผิดผมได้
ตอนเดินมาใกล้ถึงชายหาดผมก็มองลอดพุ่มไม้ออกไปรอดูอยู่ประมาณสี่ห้านาทีหยวนหรงไม่ได้ถอดกางเกงจนหมดเผยให้เห็นก้นครึ่งหนึ่งส่วนวังแก๊งก็กำลังปฏิบัติภารกิจ
ผมยังพอได้แต่เมื่อไป๋เหว่ยเห็นภาพนั้นเธอก็หันหน้าไปมองทางอื่น
ไม่นานข้างๆกองไฟก็มีเสียงร้องดังขึ้นมาผ่านไปสองนาทีผมเขย่าพุ่มไม้เพื่อต้องการให้พวกเขารู้ว่าพวกเรากลับมาแล้ว
และเมื่อพวกเราสองคนเดินออกมาจากพุ่มไม้พวกเขาก็เก็บร่องรอยทุกอย่างเสร็จหมดแล้ววังแก๊งนั่งอยู่ด้วยท่าทางเป็นสุภาพบุรุษหยวนหรงผมยุ่งเหยิงหน้าแดงก่ำ
ผมยิ้มและหยิบผลไม้ออกมาจากถุงกางเกงวางไว้บนพื้น"ถ้าพวกคุณกระหายน้ำก็กินอันนี้สิ"
วังแก๊งหยิบไปลูกหนึ่งเขาเช็ดๆให้สะอาดตอนที่กำลังจะอ้าปากกินเขาก็หยุดชะงักและถามว่า"พวกคุณกินแล้วยัง?ผลไม้บางชนิดในป่ามันกินไม่ได้นะ"
แน่นอนว่าพวกเรายังไม่ได้กินแม้แต่ผลไม้ที่เก็บมานี้มีพิษมั้ยก็ยังไม่รู้
ผมพูดว่า"ยังไม่ได้กิน"
"หา?อะไรนะ?"
วังแก๊งชะงักไปต่อมาสีหน้าเขาก็เปลี่ยนและด่าด้วยความโกรธว่า"แม่งเอ้ยแกโกหกฉันหรอ?"
ผมไม่ได้รอให้เขาพูดจบผมยกเท้าถีบไปที่เขาวังแก๊งเองก็มีท่าทีโต้ตอบรวดเร็วเขากลิ้งตัวไปข้างๆเพื่อหลบเท้าของผม
ผมยิ้มเย็นชาและพูดว่า"ฉันไม่ได้แค่จะโกหกแกแต่จะฆ่าแกด้วย"
คำโบราณพูดว่าฉวยโอกาสตอนที่เขาป่วยฆ่าเขานี่เป็นการเปิดศึกอย่างจริงจังของวังแก๊งตอนนี้ร่างกายของวังแก๊งอ่อนแอและเป็นช่วงที่จิตใจย่ำแยไม่มีชีวิตชีวาหยวนหรงยังไม่มีท่าทีตอบสนองวังแก๊งก็โดนผมต่อยไปหลายทีแถมยังโดนผมมเตะอีกหลายทีด้วยทำให้จมูกและหน้าของเขาบวม
ผมกระชากคอเสื้อของเขาไม่สนใจกลิ่มเหม็นๆจากเนื้อตัวของเขาสีหน้าวังแก๊งแดงมากแดงเหมือนตับหมูเขาดิ้นไม่หยุดแต่ผมจะปล่อยให้เขามีโอกาสที่ไหนกัน
ขณะนั้นเองหยวนหรงถึงได้สติตะโกนออกมาด้วยความตกใจ"ฟาง...ฟางหยางคุณจะทำอะไร?"
ผมยิ้มเย็นชาและพูดว่า"คำพูดเมื่อกี้พี่พวกคุณพูดกันตอนนี้ลืมไปแล้วหรอ?คุณคิดว่าผมจะทำอะไรหล่ะในเมื่อพวกคุณมองน้ำใจของผมเป็นเจตนาร้ายงั้นผมก็จะพาพวกคุณไปที่ทางช้างเผือก"
พูดจบผมก็ลากวังแก๊งทิ้งลงบนชายหาดแล้วใช้เท้าเยียบไว้ที่ท้องของเขาขณะนั้นเองดวงตาของเขาก็เบิกโพรงถลนออกมาปากก็อ้วกสิ่งที่เพิ่งกินเข้าไปออกมาไม่หยุดน่ารังเกียจมากๆและเขาก็สูญเสียกำลังในการต่อสู้ทั้งหมด
หยวนหรงตกตะลึงเมื่อได้สติเธอก็จะเข้ามาตีผมโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นผมหันหน้าไปจ้องเธอและพูดว่า"ถ้าเธออยากตายด้วยงั้นก็เข้ามา"
หยวนหรงโดนผมขู่เธอก็เลยยืนอยู่ที่เดิมหลังจากนั้นก็คุกเข่าลงบนพื้นและร้องไห้ออกมา
ผมขมวดคิ้วและพูดว่า"วังแก๊งยังไม่ตายเธอจะร้องทำไม?"
ตามจริงตอนแรกที่ผมได้ยินวังแก๊งพูดว่าจะข่มขืนไป๋เหว่ยตอนนี้ผมบู่มบ่ามอยากจะฆ่าเขาแต่มาตอนนี้คิดๆแล้วทั้งสองคนนี้น่าสงสารเหมือนกันในเมื่อพวกเขาเองก็เจอเครื่องบินตกและได้มาอยู่บนเกาะนี้แล้วทำไมต้องฆ่าพวกเขาด้วย
ด้วยเหตุนี้ผมเลยจัดการเขาแบบนี้และก็ถือว่าเป็นการให้โอกาสเขาอีกครั้ง
แต่ถ้าหลังจากนี้ผมได้เจอพวกเขาสองคนอีกและพวกเขายังคงมีความคิดร้ายๆอีกก็อย่ามาหาว่าผมใจดำอำมหิตก็แล้วกัน
ผมดึงไป๋เหว่ยเดินเข้าไปในป่าส่วนหยวนหรงก็คุกเข่าร้องไห้อยู่ข้างๆวังแก๊ง
พวกเรากลับมานั่งหลังพุ่มไม้อีกครั้งเมื่อแน่ใจว่าทั้งสองคนไม่ได้ตามพวกเรามาผมและไป๋เหว่ยก็กลับไปที่พัก
ไป๋เหว่ยพูดว่า"ฟางหยางพวกเขาสองคนนั้นถ้าหลังจากนี้เจอกันอีกนายต้องระวังตัวมากๆนะ"
ผมมองไป๋เหว่ยยิ้มและพูดว่า"โอ้ตอนนี้ประธานไป๋เริ่มเป็นห่วงผมแล้ว"
ไป๋เหว่ยพูดดวยความเกลียดชังว่า"แต่ก่อนฉันไม่เป็นห่วงนายรึไง?ฉันจะบอกนายว่า...."
ระหว่างพูดอยู่สีหน้าของไป๋เหว่ยก็ไม่ค่อยจะดีนัก"คนที่ชื่อวังแก๊งคนนั้นทำให้ฉันรู้สึกว่าเขาเหมือนเล่ยหยุนเป่ามาก"
"เล่ยหยุนเป่า?"
จู่ๆสมองของผมก็กลับไปคิดถึงเรื่องราวแต่ก่อนผู้ชายอ้วยคนนั้นต้องการจะข่มขืนไป๋เหว่ยและโดนผมขัดขวางต่อมาเล่ยหยุนเป่าก็มาเอาคืนผม
ผมพยักหน้าและพูดว่า"สบายใจได้ถ้าครั้งหน้าเจอพวกเขาอีกแล้วพวกเขายังเป็นแบบนี้อยู่ผมไม่มีทางใจอ่อนแน่ๆ"
พูดจบผมก็จับมือของไป๋เหว่ยและพูดว่า"พูดตามตรงเวลาก็ผ่านไปสองสามวันแล้วแต่ตอนนี้ยังไม่มีทีมค้นหาหรือทีมกู้ภัยผมสงสัยว่าพวกเราอาาจะต้องอยู่ที่นี่กันอีกนาน"
ไป๋เหว่ยพยักหน้า"ในเมื่อเป็นแบบนี้งั้นพวกเราก็ไปดับไฟข้างนอกซะวันนี้พวกเราเจอพวกของวังแก๊งสองคนนั้นก็แสดงว่าบนเกาะแห่งนี้ยังมีคนอื่นอยู่ด้วยถ้าต้องเจอคนแบบนี้อีกแล้วพวกเราจุดไฟสว่างขนาดนี้ก็เหมือนเป็นการเปิดเผยตำแหน่งของเรา"
ผมออกไปดับไฟที่จริงถ้ำตรงนี้เป็นพื้นที่ที่ดีมากมันอยู่ในซอกมุมพอดีด้านหน้าจะมองไม่เห็น
ด้านหลังเป็นหน้าผาเรียบด้านขวามีป่าไม้ซึ่งข้างหลังเป็นทะเลข้างๆด้านขวากลับมีทางเดินเล็กๆที่มองไม่เห็นได้ง่ายๆสถานที่ดีดีแบบนี้ถ้าต้องโดนคนอื่นพบเข้าเพียงเพราะกองไฟก็น่าเสียดายมากๆ
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.readmeapps.com All rights reserved