บทที่ 9 แม่ออกจากโรงพยาบาล
by หลิงหยุน
10:16,Nov 30,2020
ข่าวการถูกไล่ออกของหลี่ฉวน ถูกส่งไปถึงอีเมล์ของพนักงานของหมิงหยางทุกคนอย่างรวดเร็ว
และอีเมล์นี้เสิ่นบี้จวินเป็นคนเขียนขึ้นมาด้วยตัวเอง โดยมีเนื้อหาว่าสาเหตุที่หลี่ฉวนถูกไล่ออก ก็เนื่องมาจากการใช้อำนาจในทางที่ผิด และยังกดขี่พนักงานคนอื่นอีก ข้อความนี้ทำให้พนักงานแผนกขายทั้งหมดรู้สึกดีใจอย่างมาก!
หลังจากที่ข่าวแพร่กระจายไปทั่ว ทั้งฝ่ายขายก็เริ่มซุบซิบกัน และทุกคนก็รู้ว่าโจวหยางเป็นคนที่ไปร้องเรียนต่อท่านประธาน!
ดังนั้น เขาจึงกลายเป็นฮีโร่ในสายตาของฝ่ายขายทั้งหมด
หลังนั้น เขาก็ไปที่ห้องทำงานของเสิ่นบี้จวิน เพื่อเซ็นสัญญาข้อตกลงร่วมมือกับเสิ่นบี้จวิน
ในข้อตกลงนั้น เขาได้กลายเป็นบุคคลสำคัญที่มาดูแลรับผิดชอบโปรเจ็คผิวหน้าขาวใสไร้ริ้วรอย และยังเป็นผู้ถือหุ้นของโปรเจ็คนี้ถึง 60% เขาจึงมีอำนาจสามารถควบคุมทุกอย่างได้
แต่โจวหยางต้องการให้เสิ่นบี้จวินช่วยเก็บเรื่องของเขาเป็นลับ เพราะในตอนนี้เขาไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ว่าตัวเขาได้กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดและเป็นผู้รับผิดชอบของโปรเจ็คนี้ด้วย
หลังจากนั้นเขาก็เริ่มเตรียมตัวจัดทำโปรเจ็คผิวหน้าขาวใสไร้ริ้วรอย และในขณะเดียวกันเขาก็เตรียมตัวคัดเลือกหาผู้ที่จะมาร่วมโปรเจ็คนี้กับเขาด้วย
ในใจของเขาหวังว่าจะสามารถร่วมงานกับบริษัทของเซี่ยะหลิงอวิ้ เพื่อให้เธอได้รับความช่วยเหลือจากบริษัทหมิงหยาง และผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้
ดังนั้น เขาจึงขอให้เลขาของเสิ่นบี้จวินประกาศข่าวนี้ออกไป ให้บริษัทที่เกี่ยวข้องกับเครื่องสำอางทั้งหมดทั่วประเทศทราบข่าวว่าบริษัทหมิงหยางได้รับการจดสิทธิบัตรด้านไวท์เทนนิ่งและการต่อต้านริ้วรอยจากห้องปฏิบัติการทางชีววิทยาสแตนฟอร์ดในประเทศสหรัฐอเมริกาเรียบร้อยแล้ว และกำลังเตรียมที่จะเริ่มโปรเจ็คผิวหน้าขาวใสไร้ริ้วรอยอีกด้วย ในขณะเดียวกันก็กำลังสรรหาบริษัทในประเทศที่จะมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจ็คนี้!
พอข่าวนี้ได้เผยแพร่ออกไปวงการเครื่องสำอางทั่วโลกก็สั่นสะเทือน!
ไม่มีใครคิดว่า สิทธิบัตรที่บริษัทใหญ่ๆทั่วโลกที่พยายามแย่งกันมาครอบครองนั้น แต่ตอนนี้กลับตกไปอยู่ในมือของบริษัทหมิงหยางไปแล้ว
เรื่องนี่ถึงกลับทำให้ทุกคนรู้สึกประหลาดใจ!
บริษัทหมิงหยาง เป็นบริษัทเครื่องสำอางที่ถูกจับตามองมากที่สุดในประเทศ ทำให้บริษัทเครื่องสำอางขนาดใหญ่อื่นๆ ในประเทศต่างก็อิจฉาในเรื่องนี้กันเป็นอย่างมาก และส่วนบริษัทขนาดเล็กและขนาดกลางบางแห่งต่างก็ต้องการที่จะได้ร่วมงานกับบริษัทหมิงหยาง
ซึ่งรวมถึงบริษัทความงามเยว่จี๋ของเซี่ยะหลิงอวิ้ และบริษัทความงามของเฉินจวิ้นเซิงด้วย
ในช่วงไม่กี่วัน บริษัทต่างๆทั่วประเทศต่างกำลังเตรียมเข้ารวมเสนอผลงานให้กลับบริษัทหมิงหยาง และเซี่ยะหลิงอวิ้ ก็ทุ่มเทให้กับเรื่องนี้มากเช่นกัน เพราะนี่อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะช่วยบริษัทเธอได้
ถึงแม้ว่าบริษัทความงามเยว่จี๋ของเธอจะเริ่มตกต่ำ และโอกาสที่จะถูกคัดเลือกก็มีน้อยมาก แต่เธอก็ยังเชื่อว่านี่จะเป็นช่องทางสุดท้ายที่จะชีวิตเธอได้ และการเตรียมตัวในครั้งนี้ จึงถือว่าเป็นการเตรียมตัวครั้งสุดท้ายของบริษัทเธอด้วยเช่นกัน
เพื่อที่จะทำให้โปรเจ็คนี้ออกมาดีที่สุด เธอจึงย้ายออกจากบ้านมาอยู่กินที่บริษัท และทำงานทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเตรียมเอกสารสำหรับการเสนองาน เพราะเธอกลัวว่าจะพลาดโอกาสนี้ไป
โจวหยางไม่คิดว่าเซี่ยะหลิงอวิ้จะทุ่มเทถึงขนาดนี้ ถึงแม้ตอนนี้เขารู้สึกเป็นห่วงเธอ แต่เซี่ยะหลิงอวี้ต้องการจะสู้ให้ถึงที่สุด เขาก็ปล่อยให้เธอได้สู้อีกครั้ง ส่วนตัวเขาก็จะค่อยช่วยเธออยู่ลับๆ ถ้าแบบนี้ก็จะทำให้เธอรู้สึกว่า ความสำเร็จที่ได้มานั้นมาจากความพยายามของเธอเอง และนี้คงเป็นวิธีปลอบใจและให้กำลังใจเธอที่ดีที่สุดแล้ว!
ส่วนไอ้เฉินจวิ้นเซิงที่หวังไว้ว่าจะได้ร่วมงานกับบริษัทใหญ่อย่างหมิงหยาง ดังนั้นเขาจึงยุ่งอยู่กับการเตรียมเสนองาน และคิดไว้ว่าจะได้ร่วมงานด้านกลยุทธ์กับบริษัทหมิงหยาง
แต่ถ้าเขารู้ว่า เรื่องทั้งหมดนี้คนที่มีอำนาจสูงสุดในการตัดสินใจนั้น อยู่ในกำมือของโจวหยางแล้วล่ะก็ สิ่งที่ตั้งใจทำมาทั้งหมดก็คงจะไม่สูญเปล่า
......
ในช่วงเวลาจัดเตรียมโปรเจ็คนี้ ทางโรงพยาบาลก็ได้แจ้งข่าวดี
ว่าแม่ของโจวหยางที่รอการเปลี่ยนไต ในที่สุดก็หาไตที่จะเปลี่ยนได้แล้ว!
แม่ของโจวหยางเป็นโรคยูเรเมียมาหลายปีแล้ว และกำลังรอหาไตที่ใช้แทนกับไตเดิมอยู่ ในตอนแรกคิดว่าคงจะหาได้แล้ว แต่ตอนนี้กลับมีข่าวดี!
เมื่อนึกถึงว่าจ้าวถ่งเคยจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กับแม่ของเขามากกว่าหนึ่งล้านบาท รวมทั้งค่าผ่าตัดและค่าฟื้นฟูร่างกายแล้ว ในใจของเขาก็อดคิดไม่ได้ว่า จะเป็นไปได้ไหมที่จ้าวถ่งเป็นคนช่วยเขาหาไตนี้อีก?
อาจจะเป็นไปได้!
จำนวนไตที่ใช้เปลี่ยนมีไม่มาก และผู้ที่ป่วยเป็นโรคยูรีเมียต่างก็ต้องการทั้งนั้น ถ้าไม่มีความเกี่ยวข้องหรือไม่ใช่คนใหญ่คนโต ก็คงไม่สามารถหาไตมาได้รวดเร็วแบบนี้ เพราะนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
หลังจากที่ไตถูกส่งมาที่เมืองตงไห่แล้ว ทางโรงพยาบาลก็ได้ทำการผ่าตัดปลูกถ่ายไตให้แม่ของโจวหยางทันที
ไม่เพียงแต่การดำเนินการผ่าตัดจะใช้เวลาเพียงไม่นานแล้ว การตอบสนองหลังจากการผ่าตัดก็ผ่านไปอย่างราบรื่นเช่นกัน
ตลอดสัปดาห์หลังจากการผ่าตัด ทุกวันโจวหยางจะหาเวลาว่างไปบริษัทหมิงหยางเพื่อไปจัดการกับโปรเจ็คผิวหน้าขาวใสไร้ริ้วรอย และเวลาส่วนที่เหลือเขาก็อยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อดูแลแม่ของเขา
ในช่วงนี้เชี่ยะหลิงอวี้อยู่ที่บริษัทและยุ่งอยู่กับเรื่องงานทุกวัน ส่วนโจวหยางก็อยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อดูแลแม่ของเขาทุกวันเช่นกัน
หลังจากที่เฉินจวิ้นเซิงรู้เรื่องนี้ เขาก็เลยพยายามหาเวลาว่างเพื่อไปเยี่ยมหาและเอาใจแม่ยายของโจวหยาง
ไม่กี่วันมานี้ เขาพยายามเอาของขวัญไปให้แม่ยายของโจวหยางทุกวัน วันนี้ให้รังนก พรุ่งนี้ให้หยก มะรืนนี้ให้ปลิงทะเลหูฉลาม เอาใจจนทำให้แม่ยายของโจวหยางมีความสุขมาก
เดิมทีแม่ยายของโจวหยางก็ไม่พอใจลูกเขยที่ไร้ประโยชน์อย่างเขาอยู่แล้ว บวกกับการเข้าหาและเอาใจของเฉินจวิ้นเซิงอีก ทำให้ภาพลักษณ์ของโจวหยางในสายตาของแม่ยายยิ่งดูแย่ลง
ถึงกลับคิดที่จะให้ลูกสาวของเธอหย่ากับโจวหยางในเร็ววัน จากนั้นก็ให้เธอไปแต่งงานกับเฉินจวิ้นเซิง ลูกเขยที่ดีและสูงศักดิ์!
วันที่แม่ของโจวหยางออกจากโรงพยาบาล ก็ตรงกับวันเกิดของเซี่ยะหลิงอวี้พอดี
เซี่ยะหลิงอวี้มารับแม่ของโจวหยางที่โรงพยาบาลด้วยตัวเอง และยังเชิญแม่ของโจวหยางไปร่วมงานวันเกิดของเธอที่บ้านอีกด้วย
แม่โจวที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาล ยังคงมีสีหน้าซีดจากอาการป่วย เธอรู้ดีว่าทุกครั้งที่ลูกชายเธออยู่ที่ครอบครัวตระกูลเซี่ยะมักจะถูกกลั่นแกล้ง ดังนั้นเธอจึงไม่อยากไปทำให้ครอบครัวตระกูลเซี่ยะยุ่งยากอีก
และถ้าเขาไปสร้างความยุ่งยากให้กับครอบครัวของตระกูลเซี่ยะ ก็คือการเพิ่มความยุ่งยากให้กับลูกชายของเขาเอง และยังทำให้ชีวิตในอนาคตของลูกชายของเขายิ่งลำบากมากขึ้นไปอีก
เมื่อเห็นแม่ของเขาเป็นแบบนี้แล้ว ในใจของโจวหยางก็รู้สึกคิดหนัก
ดูเหมือนว่าเธอจะรู้สถานการณ์ที่ไม่ดีของโจวหยางในครอบครัวของตระกูลเซี่ยะ แม่โจวตบๆไปที่ฝ่ามือของโจวหยางเบาด้วยความเป็นห่วงและพูดกับเซี่ยะหลิงอวี้ว่า “ หลิงอวี้ ช่างมันเถอะ แม่ของอวยพรวันเกิดให้หนูมีความสุขมากๆ แต่สภาพแม่ตอนนี้ถ้าไปก็ยิ่งจะทำให้ยุ่งยากมากขึ้น นั้นแม่ขอไม่ไปจะดีกว่า ”
ในตอนนี้คำพูดของแม่โจว เหมือนกับมือใหญ่ๆที่กำลังบีบหัวใจของโจวหยางให้แหลกเป็นชิ้นๆ
เซี่ยะหลิงอวี้รีบพูดต่อไปว่า “ แม่ วันนี้แม่ออกจากโรงพยาบาล และยังเป็นวันเกิดของหนูอีก ช่างเป็นเรื่องดีทั้งคู่ แม่ก็กลับบ้านกลับหนูเถอะ ”
โจวหยางที่จะพยายามชักชวนจึงพูดขึ้นว่า “ ใช่ครับแม่ แม่กลับไปกับพวกเราเถอะ! ”
หลังจากคำชักชวนต่างๆของคู่รักทั้งสองคนนี้ ในที่สุดแม่โจวก็พยักหน้ารับ
แม่โจวมีสีหน้าที่เป็นกังวลเล็กๆ แต่กลับทำให้หัวใจของโจวหยางรู้สึกเจ็บปวด
เมื่อกลับมาถึงที่บ้านของครอบครัวตะกูลเซี่ยะ แม่ยายของโจวหยางก็พูดออกมาด้วยสีหน้าไม่พอใจว่า “ โอ้ว นี่คุณยังรู้ว่าควรจะต้องกลับมาด้วยรึ? ”
เสียงแหลมๆที่ดังขึ้นมา ทำให้สีหน้าแม่โจวเกิดกังวลขึ้นมา
เมื่อเห็นการแสดงสีหน้าบูดๆเบี้ยวๆของแม่ยาย โจวหยางที่ยืนอยู่หน้าประตูก็รู้สึกทำตัวไม่ถูก
เมื่อแม่โจวเห็นว่าลูกชายของเธอกำลังถูกต่อว่าอย่างไร้ศักดิ์ศรี แม่โจวก็ขมใจแล้วรีบพูดดีๆกับเขาไปว่า “ สวัสดีคุณแม่ของลูกสะใภ้ ... ”
“ อย่าเลย คุณแม่ของลูกสะใภ้อะไรนี่ฉันคงไม่อาจเอื้อม ”
แม่ยายของโจวหยางโบกมือขัดจังหวะคำพูดของแม่โจว และกลอกตาไปมาอย่างไม่พอใจ ทำให้โจวหยางควบคุมอารมณ์โกรธของตัวเองไว้ไม่ได้
ในขณะนั้นมีชายคนหนึ่งยิ้มขึ้นและพูดว่า “ สวัสดีครับคุณป้าเซี่ยะ! ”
เมื่อโจวหยางหันหน้าไป ก็ไม่คิดว่าไอ้สาละเลวเฉินจวิ้นเซิงจะมาที่นี่ และเขาก็มาพร้อมกับของขวัญและดอกไม้ในมือ!
และอีเมล์นี้เสิ่นบี้จวินเป็นคนเขียนขึ้นมาด้วยตัวเอง โดยมีเนื้อหาว่าสาเหตุที่หลี่ฉวนถูกไล่ออก ก็เนื่องมาจากการใช้อำนาจในทางที่ผิด และยังกดขี่พนักงานคนอื่นอีก ข้อความนี้ทำให้พนักงานแผนกขายทั้งหมดรู้สึกดีใจอย่างมาก!
หลังจากที่ข่าวแพร่กระจายไปทั่ว ทั้งฝ่ายขายก็เริ่มซุบซิบกัน และทุกคนก็รู้ว่าโจวหยางเป็นคนที่ไปร้องเรียนต่อท่านประธาน!
ดังนั้น เขาจึงกลายเป็นฮีโร่ในสายตาของฝ่ายขายทั้งหมด
หลังนั้น เขาก็ไปที่ห้องทำงานของเสิ่นบี้จวิน เพื่อเซ็นสัญญาข้อตกลงร่วมมือกับเสิ่นบี้จวิน
ในข้อตกลงนั้น เขาได้กลายเป็นบุคคลสำคัญที่มาดูแลรับผิดชอบโปรเจ็คผิวหน้าขาวใสไร้ริ้วรอย และยังเป็นผู้ถือหุ้นของโปรเจ็คนี้ถึง 60% เขาจึงมีอำนาจสามารถควบคุมทุกอย่างได้
แต่โจวหยางต้องการให้เสิ่นบี้จวินช่วยเก็บเรื่องของเขาเป็นลับ เพราะในตอนนี้เขาไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ว่าตัวเขาได้กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดและเป็นผู้รับผิดชอบของโปรเจ็คนี้ด้วย
หลังจากนั้นเขาก็เริ่มเตรียมตัวจัดทำโปรเจ็คผิวหน้าขาวใสไร้ริ้วรอย และในขณะเดียวกันเขาก็เตรียมตัวคัดเลือกหาผู้ที่จะมาร่วมโปรเจ็คนี้กับเขาด้วย
ในใจของเขาหวังว่าจะสามารถร่วมงานกับบริษัทของเซี่ยะหลิงอวิ้ เพื่อให้เธอได้รับความช่วยเหลือจากบริษัทหมิงหยาง และผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้
ดังนั้น เขาจึงขอให้เลขาของเสิ่นบี้จวินประกาศข่าวนี้ออกไป ให้บริษัทที่เกี่ยวข้องกับเครื่องสำอางทั้งหมดทั่วประเทศทราบข่าวว่าบริษัทหมิงหยางได้รับการจดสิทธิบัตรด้านไวท์เทนนิ่งและการต่อต้านริ้วรอยจากห้องปฏิบัติการทางชีววิทยาสแตนฟอร์ดในประเทศสหรัฐอเมริกาเรียบร้อยแล้ว และกำลังเตรียมที่จะเริ่มโปรเจ็คผิวหน้าขาวใสไร้ริ้วรอยอีกด้วย ในขณะเดียวกันก็กำลังสรรหาบริษัทในประเทศที่จะมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจ็คนี้!
พอข่าวนี้ได้เผยแพร่ออกไปวงการเครื่องสำอางทั่วโลกก็สั่นสะเทือน!
ไม่มีใครคิดว่า สิทธิบัตรที่บริษัทใหญ่ๆทั่วโลกที่พยายามแย่งกันมาครอบครองนั้น แต่ตอนนี้กลับตกไปอยู่ในมือของบริษัทหมิงหยางไปแล้ว
เรื่องนี่ถึงกลับทำให้ทุกคนรู้สึกประหลาดใจ!
บริษัทหมิงหยาง เป็นบริษัทเครื่องสำอางที่ถูกจับตามองมากที่สุดในประเทศ ทำให้บริษัทเครื่องสำอางขนาดใหญ่อื่นๆ ในประเทศต่างก็อิจฉาในเรื่องนี้กันเป็นอย่างมาก และส่วนบริษัทขนาดเล็กและขนาดกลางบางแห่งต่างก็ต้องการที่จะได้ร่วมงานกับบริษัทหมิงหยาง
ซึ่งรวมถึงบริษัทความงามเยว่จี๋ของเซี่ยะหลิงอวิ้ และบริษัทความงามของเฉินจวิ้นเซิงด้วย
ในช่วงไม่กี่วัน บริษัทต่างๆทั่วประเทศต่างกำลังเตรียมเข้ารวมเสนอผลงานให้กลับบริษัทหมิงหยาง และเซี่ยะหลิงอวิ้ ก็ทุ่มเทให้กับเรื่องนี้มากเช่นกัน เพราะนี่อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะช่วยบริษัทเธอได้
ถึงแม้ว่าบริษัทความงามเยว่จี๋ของเธอจะเริ่มตกต่ำ และโอกาสที่จะถูกคัดเลือกก็มีน้อยมาก แต่เธอก็ยังเชื่อว่านี่จะเป็นช่องทางสุดท้ายที่จะชีวิตเธอได้ และการเตรียมตัวในครั้งนี้ จึงถือว่าเป็นการเตรียมตัวครั้งสุดท้ายของบริษัทเธอด้วยเช่นกัน
เพื่อที่จะทำให้โปรเจ็คนี้ออกมาดีที่สุด เธอจึงย้ายออกจากบ้านมาอยู่กินที่บริษัท และทำงานทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเตรียมเอกสารสำหรับการเสนองาน เพราะเธอกลัวว่าจะพลาดโอกาสนี้ไป
โจวหยางไม่คิดว่าเซี่ยะหลิงอวิ้จะทุ่มเทถึงขนาดนี้ ถึงแม้ตอนนี้เขารู้สึกเป็นห่วงเธอ แต่เซี่ยะหลิงอวี้ต้องการจะสู้ให้ถึงที่สุด เขาก็ปล่อยให้เธอได้สู้อีกครั้ง ส่วนตัวเขาก็จะค่อยช่วยเธออยู่ลับๆ ถ้าแบบนี้ก็จะทำให้เธอรู้สึกว่า ความสำเร็จที่ได้มานั้นมาจากความพยายามของเธอเอง และนี้คงเป็นวิธีปลอบใจและให้กำลังใจเธอที่ดีที่สุดแล้ว!
ส่วนไอ้เฉินจวิ้นเซิงที่หวังไว้ว่าจะได้ร่วมงานกับบริษัทใหญ่อย่างหมิงหยาง ดังนั้นเขาจึงยุ่งอยู่กับการเตรียมเสนองาน และคิดไว้ว่าจะได้ร่วมงานด้านกลยุทธ์กับบริษัทหมิงหยาง
แต่ถ้าเขารู้ว่า เรื่องทั้งหมดนี้คนที่มีอำนาจสูงสุดในการตัดสินใจนั้น อยู่ในกำมือของโจวหยางแล้วล่ะก็ สิ่งที่ตั้งใจทำมาทั้งหมดก็คงจะไม่สูญเปล่า
......
ในช่วงเวลาจัดเตรียมโปรเจ็คนี้ ทางโรงพยาบาลก็ได้แจ้งข่าวดี
ว่าแม่ของโจวหยางที่รอการเปลี่ยนไต ในที่สุดก็หาไตที่จะเปลี่ยนได้แล้ว!
แม่ของโจวหยางเป็นโรคยูเรเมียมาหลายปีแล้ว และกำลังรอหาไตที่ใช้แทนกับไตเดิมอยู่ ในตอนแรกคิดว่าคงจะหาได้แล้ว แต่ตอนนี้กลับมีข่าวดี!
เมื่อนึกถึงว่าจ้าวถ่งเคยจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กับแม่ของเขามากกว่าหนึ่งล้านบาท รวมทั้งค่าผ่าตัดและค่าฟื้นฟูร่างกายแล้ว ในใจของเขาก็อดคิดไม่ได้ว่า จะเป็นไปได้ไหมที่จ้าวถ่งเป็นคนช่วยเขาหาไตนี้อีก?
อาจจะเป็นไปได้!
จำนวนไตที่ใช้เปลี่ยนมีไม่มาก และผู้ที่ป่วยเป็นโรคยูรีเมียต่างก็ต้องการทั้งนั้น ถ้าไม่มีความเกี่ยวข้องหรือไม่ใช่คนใหญ่คนโต ก็คงไม่สามารถหาไตมาได้รวดเร็วแบบนี้ เพราะนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
หลังจากที่ไตถูกส่งมาที่เมืองตงไห่แล้ว ทางโรงพยาบาลก็ได้ทำการผ่าตัดปลูกถ่ายไตให้แม่ของโจวหยางทันที
ไม่เพียงแต่การดำเนินการผ่าตัดจะใช้เวลาเพียงไม่นานแล้ว การตอบสนองหลังจากการผ่าตัดก็ผ่านไปอย่างราบรื่นเช่นกัน
ตลอดสัปดาห์หลังจากการผ่าตัด ทุกวันโจวหยางจะหาเวลาว่างไปบริษัทหมิงหยางเพื่อไปจัดการกับโปรเจ็คผิวหน้าขาวใสไร้ริ้วรอย และเวลาส่วนที่เหลือเขาก็อยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อดูแลแม่ของเขา
ในช่วงนี้เชี่ยะหลิงอวี้อยู่ที่บริษัทและยุ่งอยู่กับเรื่องงานทุกวัน ส่วนโจวหยางก็อยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อดูแลแม่ของเขาทุกวันเช่นกัน
หลังจากที่เฉินจวิ้นเซิงรู้เรื่องนี้ เขาก็เลยพยายามหาเวลาว่างเพื่อไปเยี่ยมหาและเอาใจแม่ยายของโจวหยาง
ไม่กี่วันมานี้ เขาพยายามเอาของขวัญไปให้แม่ยายของโจวหยางทุกวัน วันนี้ให้รังนก พรุ่งนี้ให้หยก มะรืนนี้ให้ปลิงทะเลหูฉลาม เอาใจจนทำให้แม่ยายของโจวหยางมีความสุขมาก
เดิมทีแม่ยายของโจวหยางก็ไม่พอใจลูกเขยที่ไร้ประโยชน์อย่างเขาอยู่แล้ว บวกกับการเข้าหาและเอาใจของเฉินจวิ้นเซิงอีก ทำให้ภาพลักษณ์ของโจวหยางในสายตาของแม่ยายยิ่งดูแย่ลง
ถึงกลับคิดที่จะให้ลูกสาวของเธอหย่ากับโจวหยางในเร็ววัน จากนั้นก็ให้เธอไปแต่งงานกับเฉินจวิ้นเซิง ลูกเขยที่ดีและสูงศักดิ์!
วันที่แม่ของโจวหยางออกจากโรงพยาบาล ก็ตรงกับวันเกิดของเซี่ยะหลิงอวี้พอดี
เซี่ยะหลิงอวี้มารับแม่ของโจวหยางที่โรงพยาบาลด้วยตัวเอง และยังเชิญแม่ของโจวหยางไปร่วมงานวันเกิดของเธอที่บ้านอีกด้วย
แม่โจวที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาล ยังคงมีสีหน้าซีดจากอาการป่วย เธอรู้ดีว่าทุกครั้งที่ลูกชายเธออยู่ที่ครอบครัวตระกูลเซี่ยะมักจะถูกกลั่นแกล้ง ดังนั้นเธอจึงไม่อยากไปทำให้ครอบครัวตระกูลเซี่ยะยุ่งยากอีก
และถ้าเขาไปสร้างความยุ่งยากให้กับครอบครัวของตระกูลเซี่ยะ ก็คือการเพิ่มความยุ่งยากให้กับลูกชายของเขาเอง และยังทำให้ชีวิตในอนาคตของลูกชายของเขายิ่งลำบากมากขึ้นไปอีก
เมื่อเห็นแม่ของเขาเป็นแบบนี้แล้ว ในใจของโจวหยางก็รู้สึกคิดหนัก
ดูเหมือนว่าเธอจะรู้สถานการณ์ที่ไม่ดีของโจวหยางในครอบครัวของตระกูลเซี่ยะ แม่โจวตบๆไปที่ฝ่ามือของโจวหยางเบาด้วยความเป็นห่วงและพูดกับเซี่ยะหลิงอวี้ว่า “ หลิงอวี้ ช่างมันเถอะ แม่ของอวยพรวันเกิดให้หนูมีความสุขมากๆ แต่สภาพแม่ตอนนี้ถ้าไปก็ยิ่งจะทำให้ยุ่งยากมากขึ้น นั้นแม่ขอไม่ไปจะดีกว่า ”
ในตอนนี้คำพูดของแม่โจว เหมือนกับมือใหญ่ๆที่กำลังบีบหัวใจของโจวหยางให้แหลกเป็นชิ้นๆ
เซี่ยะหลิงอวี้รีบพูดต่อไปว่า “ แม่ วันนี้แม่ออกจากโรงพยาบาล และยังเป็นวันเกิดของหนูอีก ช่างเป็นเรื่องดีทั้งคู่ แม่ก็กลับบ้านกลับหนูเถอะ ”
โจวหยางที่จะพยายามชักชวนจึงพูดขึ้นว่า “ ใช่ครับแม่ แม่กลับไปกับพวกเราเถอะ! ”
หลังจากคำชักชวนต่างๆของคู่รักทั้งสองคนนี้ ในที่สุดแม่โจวก็พยักหน้ารับ
แม่โจวมีสีหน้าที่เป็นกังวลเล็กๆ แต่กลับทำให้หัวใจของโจวหยางรู้สึกเจ็บปวด
เมื่อกลับมาถึงที่บ้านของครอบครัวตะกูลเซี่ยะ แม่ยายของโจวหยางก็พูดออกมาด้วยสีหน้าไม่พอใจว่า “ โอ้ว นี่คุณยังรู้ว่าควรจะต้องกลับมาด้วยรึ? ”
เสียงแหลมๆที่ดังขึ้นมา ทำให้สีหน้าแม่โจวเกิดกังวลขึ้นมา
เมื่อเห็นการแสดงสีหน้าบูดๆเบี้ยวๆของแม่ยาย โจวหยางที่ยืนอยู่หน้าประตูก็รู้สึกทำตัวไม่ถูก
เมื่อแม่โจวเห็นว่าลูกชายของเธอกำลังถูกต่อว่าอย่างไร้ศักดิ์ศรี แม่โจวก็ขมใจแล้วรีบพูดดีๆกับเขาไปว่า “ สวัสดีคุณแม่ของลูกสะใภ้ ... ”
“ อย่าเลย คุณแม่ของลูกสะใภ้อะไรนี่ฉันคงไม่อาจเอื้อม ”
แม่ยายของโจวหยางโบกมือขัดจังหวะคำพูดของแม่โจว และกลอกตาไปมาอย่างไม่พอใจ ทำให้โจวหยางควบคุมอารมณ์โกรธของตัวเองไว้ไม่ได้
ในขณะนั้นมีชายคนหนึ่งยิ้มขึ้นและพูดว่า “ สวัสดีครับคุณป้าเซี่ยะ! ”
เมื่อโจวหยางหันหน้าไป ก็ไม่คิดว่าไอ้สาละเลวเฉินจวิ้นเซิงจะมาที่นี่ และเขาก็มาพร้อมกับของขวัญและดอกไม้ในมือ!
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.readmeapps.com All rights reserved