บทที่ 868 คำเชิญของตระกูลสวี่!
by หลิงหยุน
08:01,Apr 02,2021
ในความเป็นจริงโจวหยางเป็นคนที่มีเหตุผลมาก
เหตุผลที่เขาแข็งกร้าวในตอนนี้ก็เป็นเพราะซูซื่อหมิงทำอะไรผิด
การทรยศนั้นเป็นคำพูดที่เสียดหูมาก
บางคนบอกว่าในโลกนี้เพื่อนร่วมทีมที่หักหลังคุณได้นั้นร้ายกาจยิ่งกว่าศัตรูเป็นหมื่นเท่า
ประโยคนี้ไม่ได้ไม่มีเหตุผลไม่ว่าศัตรูจะทำกับคุณมากเกินไปแค่ไหนก็เป็นเรื่องปกติเพราะเมื่อเป็นศัตรูก็ฆ่ากันเองอยู่แล้ว
ในฐานะศัตรูคนอื่นจะตามใจคุณได้อย่างไร?ต้องทำทุกอย่างที่ทำให้คุณไม่สบายใจอยู่แล้ว!
แต่สำหรับการทรยศนั้นกลับสามารถทำให้ใจสลายได้อย่างง่ายดาย
แม้ว่ามันจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆมากนัก
แต่คุณได้ให้ความไว้วางใจกับอีกฝ่ายหนึ่งแต่อีกฝ่ายกลับเหยียบย่ำความไว้วางใจของคุณพฤติกรรมนี้ออกจะเกินไปแล้ว
ตอนนี้โจวหยางโกรธมากซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ท่าทีของเขาแข็งกร้าว
เมื่อเผชิญหน้ากับความแข็งกร้าวของโจวหยางซูซื่อหมิงก็ไม่กล้าที่จะเถียงอะไรเพราะอย่างไรเขาก็ผิดจริง
เขานั่งลงตรงข้ามกับโจวหยางและไม่กล้าที่จะหายใจแรง
"ไม่อยากพูดอะไรหน่อยเหรอเจ้าบ้านซู?"โจวหยางถามนิ่งๆ
แค่ประโยคนี้ก็ทำให้ซูซื่อหมิงกลัวไปถึงจิตวิญญาณเขาคุกเข่าลงกับพื้นและพูดด้วยความตื่นตระหนกว่า"คุณโจวฉันทำผิดกับนายโจวโปรดให้โอกาสฉันด้วย!"
เขาอดไม่ได้ที่จะกลัวโจวหยางที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขานั่นคือจักรพรรดิการต่อสู้ตัวจริง!
จักรพรรดิการต่อสู้เพียงหนึ่งเดียวในตงไห่!
กล่าวได้ว่าโจวหยางเพียงพูดคำเดียวก็ทำให้ตระกูลซูของพวกเขาพินาศได้แล้ว
เดิมทีเขามีโอกาสที่จะเป็นพันธมิตรกับโจวหยางและพุ่งทะยานขึ้นไปสู่จุดที่สูงกว่า
แต่โอกาสนี้พังพินาศด้วยน้ำมือของเขาเอง
เพราะเขาไม่เชื่อโจวหยาง
โจวหยางเฝ้าดูซูซื่อหมิงเงียบๆสักพักก็หมดความสนใจ
เดิมทีเขาโกรธมาก
เพราะตระกูลซูเป็นหนึ่งในพรรคพวกไม่กี่คนของเขาในเมืองตงไห่
แต่ซูซื่อหมิงกลับหักหลังเขาซึ่งทำให้โจวหยางรู้สึกว่าเขาทำคุณบูชาโทษโปรดสัตว์ได้บาปจริงๆ
แต่ตอนนี้เมื่อเขามองไปที่ซูซื่อหมิงที่คุกเข่าอยู่บนพื้นทันใดนั้นเขาก็ไม่สนใจที่จะคิดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป
ถ้าฆ่าซูซื่อหมิงไปแล้วจะเป็นอย่างไรล่ะ?
เขาไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับตระกูลซูเลย
แม้ว่าตระกูลซูทั้งหมดจะถูกทำลายก็ไม่ได้ทำให้หัวใจของเขาหวั่นไหวอะไร
ในทางตรงกันข้ามเขายังคงชื่นชมซูเหว่ยมากหากตระกูลซูถูกทำลายซูเหว่ยคงจะไม่มีความสุขมาก
ในเมื่อเป็นเช่นนี้มันจะดีกว่าที่จะไว้หน้าของซูเหว่ยและปล่อยตระกูลซู
แน่นอนว่าซูซื่อหมิงจะต้องจ่ายราคาที่เขาต้องรับผิดชอบทั้งหมด
ราคานั้นก็คือโจวหยางจะไม่เชื่อใจเขาอีกแล้ว!
แม้ว่าผิวเผินเขาดูเหมือนจะไม่ตอ้งรับผิดชอบใดๆและทุกอย่างในตระกูลซูก็เรียบร้อยดี
แต่หากไม่มีความไว้วางใจจากโจวหยางการสูญเสียของพวกเขาก็จะมากมายมหาศาล
"ลุกขึ้นเถอะ"โจวหยางกล่าว"เจ้าบ้านซูเรื่องวันนี้เห็นแก่หน้าของซูเหว่ยฉันจะไม่ทำให้ตระกูลซูลำบากใจ"
"แต่ฉันไม่ต้องการหี้ครั้งหน้าอีกถ้ามีอีกครั้งล่ะก็ถึงแม้ซูเหว่ยจะไม่พอใจฉันก็จะไม่ปล่อยตระกูลซูของคุณไปแน่"
ซูซื่อหมิงสงสัยว่าเขาหูฝาดไปหรือไม่
โจวหยางปล่อยเขาไปง่ายๆอย่างนี้เลยเหรอ?
เขาแม้กระทั่งวางแผนว่าจะจ่ายเงินมรดกของเขาให้โจวหยางครึ่งหนึ่งแล้วด้วยซ้ำ!
แต่โจวหยางกลับปล่อยเขาไป!
สิ่งนี้ทำให้เขาตื่นเต้นและรีบพูดว่า"ครับๆคุณโจวไม่ต้องกังวลถ้ามีครั้งหน้าอีกคุณไม่ต้องลงมือเองฉันจะลงโทษตัวเองต่อหน้าคุณ!"
ประโยคนี้ซูซื่อหมิงพูดออกมาจากใจจริงๆ
เพราะตอนนี้เขาเสียใจแล้วก่อนที่โจวหยางจะพูดเขาก็ได้ตั้งใจไว้แล้ว
แม้ว่าโจวหยางจะให้เขาชดใช้ด้วยมรดกครึ่งหนึ่งเขาก็จะไม่โทษโจวหยางเลยตรงกันข้ามเขาจะยังคงภักดีต่อโจวหยางอย่างแน่นอนในอนาคต!
การเป็นมนุษย์ไม่ควรเป็นนกสองหัวตราบใดที่เลือกผู้นำแล้วก็จำเป็นต้องสนับสนุนโดยไม่ลังเล
ซูซื่อหมิงเชื่อว่าโจวหยางเป็นบุคคลที่ควรค่าแก่การสนับสนุน
ดังนั้นเขาได้ตัดสินใจแล้วว่าเขาจะไม่มีวันทรยศต่อโจวหยางในอนาคตอีกเด็ดขาด
เพียงแต่การสัญญานี้โจวหยางกลับไม่ได้ใส่ใจนัก
สิ่งที่โจวหยางต้องการคือการกระทำไม่ใช่แค่การรับปากง่ายๆ
ด้วยอย่างนี้โจวหยางจึงออกจากตระกูลซูและกลับไปที่บริษัทหมิงหยางเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ขายดีรุ่นที่สามต่อไป
จากการขายผลิตภัณฑ์ขายดีสองรุ่นแรกบริษัทหมิงหยางได้สะสมความมั่งคั่งมากมายในปีนี้
ต้องรู้ว่าว่ามาสก์หน้าเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคหากใครชอบแบรนด์ของบริษัทหมิงหยางเธอก็จะซื้อมันหลายครั้งต่อเดือน
มาสก์หน้าแผ่นละสิบหยวนเนื่องจากบริษัทหมิงหยางทำมาสก์ระดับไฮเอนด์ราคาก็มากกว่าสิบหยวนแต่พวกเขาเป็นผู้ผลิตเองดังนั้นต้นทุนจึงค่อนข้างน้อย
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือบริษัทมิงหยางสามารถทำเงินได้สองหยวนต่อมากส์ทุกชิ้นที่ขายไป
พวกเขามีแฟนๆประมาณสามสิบล้านคนในภาคตะวันออกคนเหล่านี้ล้วนเป็นเด็กผู้หญิงที่ชอบแบรนด์ของบริษัทหยางและซื้อเฉพาะที่มาส์กหน้าของบริษัทเท่านั้น
คนสามสิบล้านคนแต่ละคนใช้มาสก์หน้าสิบครั้งต่อเดือนหมายความว่าคนๆหนึ่งจะสร้างกำไรยี่สิบหยวนให้กับบริษัทหมิงหยางทุกเดือน
สามสิบล้านคนนั่นคือกำไรสุทธิหกร้อยล้าน!
กำไรสุทธิหกร้อยล้านต่อเดือนคือกำไรสุทธิ7.2พันล้านต่อปี!มันช่างน่ากลัวมาก!
ดังนั้นมูลค่าตลาดรวมของบริษัทหมิงหยางจึงสูงกว่าสี่หมื่นล้านในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับสองของหมิงหยางค่าตัวของโจวหยางก็เกินหมื่นล้านไปแล้ว
ตอนนี้เขายังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์ขายดีรุ่นที่สามอีก
หากประสบความสำเร็จทรัพย์สินของบริษัทหมิงหยางก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในเวลานั้นบริษัทหมิงหยางอาจเข้าสู่สโมสรแสนล้านล้านโดยตรง!
สโมสรแสนล้านเป็นความฝันของคนจำนวนมากตอนนี้โจวหยางดูเหมือนจะอยู่ใกล้แค่เอื้อมเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้
เขามุ่งความสนใจไปที่งานของเขาชั่วคราวเพราะเขารู้ว่าบางครั้งเงินก็หมายถึงทุกสิ่งจริงๆ
ตราบเท่าที่เขามีเงินเขาสามารถเอาชนะตระกูลลับเช่นตระกูลสวี่โดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อ
ตราบเท่าที่เขามีเงินและมีความมั่งคั่งเพียงพอที่จะเทียบเคียงกับตระกูลโจวเขาจะไม่พบกับอุปสรรคใดๆเมื่อเขากลับไปที่ตระกูลโจว
ล้อเล่นอะไรกันใครจะปฏิเสธทายาทที่ร่ำรวยกว่าทั้งครอบครัว?
ดังนั้นเขาจึงยังไม่ร่ำรวยพอเขาต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินต่อไป!
ในที่สุดผลิตภัณฑ์ใหม่รุ่นที่สามของโจวหยางก็มีความคืบหน้าและเสิ่นบี้จวินยังเชิญให้เขาเข้าร่วมการประชุมแลกเปลี่ยนอุตสาหกรรมอย่างเป็นทางการในวันรุ่งขึ้นแต่จู่ๆโจวหยางก็ได้รับคำเชิญจากตระกูลสวี่
ตระกูลสวี่ติดต่อเขามาทางโทรศัพท์"คุณโจวหยางใช่ไหมฉันเป็นหัวหน้าตระกูลสวี่"
โจวหยางผงะไปครู่หนึ่งจากนั้นก็พูดขึ้นหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง"นับเป็นแขกที่หายากจริงๆไม่ทราบว่ามีธุระอะไรหรือเปล่า?"า
"ไม่ทราบว่าคุณโจวมีเวลามั้ยเราอยากจะเชิญคุณมาที่ตระกูลสวี่ในฐานะแขก"
เหตุผลที่เขาแข็งกร้าวในตอนนี้ก็เป็นเพราะซูซื่อหมิงทำอะไรผิด
การทรยศนั้นเป็นคำพูดที่เสียดหูมาก
บางคนบอกว่าในโลกนี้เพื่อนร่วมทีมที่หักหลังคุณได้นั้นร้ายกาจยิ่งกว่าศัตรูเป็นหมื่นเท่า
ประโยคนี้ไม่ได้ไม่มีเหตุผลไม่ว่าศัตรูจะทำกับคุณมากเกินไปแค่ไหนก็เป็นเรื่องปกติเพราะเมื่อเป็นศัตรูก็ฆ่ากันเองอยู่แล้ว
ในฐานะศัตรูคนอื่นจะตามใจคุณได้อย่างไร?ต้องทำทุกอย่างที่ทำให้คุณไม่สบายใจอยู่แล้ว!
แต่สำหรับการทรยศนั้นกลับสามารถทำให้ใจสลายได้อย่างง่ายดาย
แม้ว่ามันจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆมากนัก
แต่คุณได้ให้ความไว้วางใจกับอีกฝ่ายหนึ่งแต่อีกฝ่ายกลับเหยียบย่ำความไว้วางใจของคุณพฤติกรรมนี้ออกจะเกินไปแล้ว
ตอนนี้โจวหยางโกรธมากซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ท่าทีของเขาแข็งกร้าว
เมื่อเผชิญหน้ากับความแข็งกร้าวของโจวหยางซูซื่อหมิงก็ไม่กล้าที่จะเถียงอะไรเพราะอย่างไรเขาก็ผิดจริง
เขานั่งลงตรงข้ามกับโจวหยางและไม่กล้าที่จะหายใจแรง
"ไม่อยากพูดอะไรหน่อยเหรอเจ้าบ้านซู?"โจวหยางถามนิ่งๆ
แค่ประโยคนี้ก็ทำให้ซูซื่อหมิงกลัวไปถึงจิตวิญญาณเขาคุกเข่าลงกับพื้นและพูดด้วยความตื่นตระหนกว่า"คุณโจวฉันทำผิดกับนายโจวโปรดให้โอกาสฉันด้วย!"
เขาอดไม่ได้ที่จะกลัวโจวหยางที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขานั่นคือจักรพรรดิการต่อสู้ตัวจริง!
จักรพรรดิการต่อสู้เพียงหนึ่งเดียวในตงไห่!
กล่าวได้ว่าโจวหยางเพียงพูดคำเดียวก็ทำให้ตระกูลซูของพวกเขาพินาศได้แล้ว
เดิมทีเขามีโอกาสที่จะเป็นพันธมิตรกับโจวหยางและพุ่งทะยานขึ้นไปสู่จุดที่สูงกว่า
แต่โอกาสนี้พังพินาศด้วยน้ำมือของเขาเอง
เพราะเขาไม่เชื่อโจวหยาง
โจวหยางเฝ้าดูซูซื่อหมิงเงียบๆสักพักก็หมดความสนใจ
เดิมทีเขาโกรธมาก
เพราะตระกูลซูเป็นหนึ่งในพรรคพวกไม่กี่คนของเขาในเมืองตงไห่
แต่ซูซื่อหมิงกลับหักหลังเขาซึ่งทำให้โจวหยางรู้สึกว่าเขาทำคุณบูชาโทษโปรดสัตว์ได้บาปจริงๆ
แต่ตอนนี้เมื่อเขามองไปที่ซูซื่อหมิงที่คุกเข่าอยู่บนพื้นทันใดนั้นเขาก็ไม่สนใจที่จะคิดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป
ถ้าฆ่าซูซื่อหมิงไปแล้วจะเป็นอย่างไรล่ะ?
เขาไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับตระกูลซูเลย
แม้ว่าตระกูลซูทั้งหมดจะถูกทำลายก็ไม่ได้ทำให้หัวใจของเขาหวั่นไหวอะไร
ในทางตรงกันข้ามเขายังคงชื่นชมซูเหว่ยมากหากตระกูลซูถูกทำลายซูเหว่ยคงจะไม่มีความสุขมาก
ในเมื่อเป็นเช่นนี้มันจะดีกว่าที่จะไว้หน้าของซูเหว่ยและปล่อยตระกูลซู
แน่นอนว่าซูซื่อหมิงจะต้องจ่ายราคาที่เขาต้องรับผิดชอบทั้งหมด
ราคานั้นก็คือโจวหยางจะไม่เชื่อใจเขาอีกแล้ว!
แม้ว่าผิวเผินเขาดูเหมือนจะไม่ตอ้งรับผิดชอบใดๆและทุกอย่างในตระกูลซูก็เรียบร้อยดี
แต่หากไม่มีความไว้วางใจจากโจวหยางการสูญเสียของพวกเขาก็จะมากมายมหาศาล
"ลุกขึ้นเถอะ"โจวหยางกล่าว"เจ้าบ้านซูเรื่องวันนี้เห็นแก่หน้าของซูเหว่ยฉันจะไม่ทำให้ตระกูลซูลำบากใจ"
"แต่ฉันไม่ต้องการหี้ครั้งหน้าอีกถ้ามีอีกครั้งล่ะก็ถึงแม้ซูเหว่ยจะไม่พอใจฉันก็จะไม่ปล่อยตระกูลซูของคุณไปแน่"
ซูซื่อหมิงสงสัยว่าเขาหูฝาดไปหรือไม่
โจวหยางปล่อยเขาไปง่ายๆอย่างนี้เลยเหรอ?
เขาแม้กระทั่งวางแผนว่าจะจ่ายเงินมรดกของเขาให้โจวหยางครึ่งหนึ่งแล้วด้วยซ้ำ!
แต่โจวหยางกลับปล่อยเขาไป!
สิ่งนี้ทำให้เขาตื่นเต้นและรีบพูดว่า"ครับๆคุณโจวไม่ต้องกังวลถ้ามีครั้งหน้าอีกคุณไม่ต้องลงมือเองฉันจะลงโทษตัวเองต่อหน้าคุณ!"
ประโยคนี้ซูซื่อหมิงพูดออกมาจากใจจริงๆ
เพราะตอนนี้เขาเสียใจแล้วก่อนที่โจวหยางจะพูดเขาก็ได้ตั้งใจไว้แล้ว
แม้ว่าโจวหยางจะให้เขาชดใช้ด้วยมรดกครึ่งหนึ่งเขาก็จะไม่โทษโจวหยางเลยตรงกันข้ามเขาจะยังคงภักดีต่อโจวหยางอย่างแน่นอนในอนาคต!
การเป็นมนุษย์ไม่ควรเป็นนกสองหัวตราบใดที่เลือกผู้นำแล้วก็จำเป็นต้องสนับสนุนโดยไม่ลังเล
ซูซื่อหมิงเชื่อว่าโจวหยางเป็นบุคคลที่ควรค่าแก่การสนับสนุน
ดังนั้นเขาได้ตัดสินใจแล้วว่าเขาจะไม่มีวันทรยศต่อโจวหยางในอนาคตอีกเด็ดขาด
เพียงแต่การสัญญานี้โจวหยางกลับไม่ได้ใส่ใจนัก
สิ่งที่โจวหยางต้องการคือการกระทำไม่ใช่แค่การรับปากง่ายๆ
ด้วยอย่างนี้โจวหยางจึงออกจากตระกูลซูและกลับไปที่บริษัทหมิงหยางเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ขายดีรุ่นที่สามต่อไป
จากการขายผลิตภัณฑ์ขายดีสองรุ่นแรกบริษัทหมิงหยางได้สะสมความมั่งคั่งมากมายในปีนี้
ต้องรู้ว่าว่ามาสก์หน้าเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคหากใครชอบแบรนด์ของบริษัทหมิงหยางเธอก็จะซื้อมันหลายครั้งต่อเดือน
มาสก์หน้าแผ่นละสิบหยวนเนื่องจากบริษัทหมิงหยางทำมาสก์ระดับไฮเอนด์ราคาก็มากกว่าสิบหยวนแต่พวกเขาเป็นผู้ผลิตเองดังนั้นต้นทุนจึงค่อนข้างน้อย
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือบริษัทมิงหยางสามารถทำเงินได้สองหยวนต่อมากส์ทุกชิ้นที่ขายไป
พวกเขามีแฟนๆประมาณสามสิบล้านคนในภาคตะวันออกคนเหล่านี้ล้วนเป็นเด็กผู้หญิงที่ชอบแบรนด์ของบริษัทหยางและซื้อเฉพาะที่มาส์กหน้าของบริษัทเท่านั้น
คนสามสิบล้านคนแต่ละคนใช้มาสก์หน้าสิบครั้งต่อเดือนหมายความว่าคนๆหนึ่งจะสร้างกำไรยี่สิบหยวนให้กับบริษัทหมิงหยางทุกเดือน
สามสิบล้านคนนั่นคือกำไรสุทธิหกร้อยล้าน!
กำไรสุทธิหกร้อยล้านต่อเดือนคือกำไรสุทธิ7.2พันล้านต่อปี!มันช่างน่ากลัวมาก!
ดังนั้นมูลค่าตลาดรวมของบริษัทหมิงหยางจึงสูงกว่าสี่หมื่นล้านในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับสองของหมิงหยางค่าตัวของโจวหยางก็เกินหมื่นล้านไปแล้ว
ตอนนี้เขายังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์ขายดีรุ่นที่สามอีก
หากประสบความสำเร็จทรัพย์สินของบริษัทหมิงหยางก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในเวลานั้นบริษัทหมิงหยางอาจเข้าสู่สโมสรแสนล้านล้านโดยตรง!
สโมสรแสนล้านเป็นความฝันของคนจำนวนมากตอนนี้โจวหยางดูเหมือนจะอยู่ใกล้แค่เอื้อมเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้
เขามุ่งความสนใจไปที่งานของเขาชั่วคราวเพราะเขารู้ว่าบางครั้งเงินก็หมายถึงทุกสิ่งจริงๆ
ตราบเท่าที่เขามีเงินเขาสามารถเอาชนะตระกูลลับเช่นตระกูลสวี่โดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อ
ตราบเท่าที่เขามีเงินและมีความมั่งคั่งเพียงพอที่จะเทียบเคียงกับตระกูลโจวเขาจะไม่พบกับอุปสรรคใดๆเมื่อเขากลับไปที่ตระกูลโจว
ล้อเล่นอะไรกันใครจะปฏิเสธทายาทที่ร่ำรวยกว่าทั้งครอบครัว?
ดังนั้นเขาจึงยังไม่ร่ำรวยพอเขาต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินต่อไป!
ในที่สุดผลิตภัณฑ์ใหม่รุ่นที่สามของโจวหยางก็มีความคืบหน้าและเสิ่นบี้จวินยังเชิญให้เขาเข้าร่วมการประชุมแลกเปลี่ยนอุตสาหกรรมอย่างเป็นทางการในวันรุ่งขึ้นแต่จู่ๆโจวหยางก็ได้รับคำเชิญจากตระกูลสวี่
ตระกูลสวี่ติดต่อเขามาทางโทรศัพท์"คุณโจวหยางใช่ไหมฉันเป็นหัวหน้าตระกูลสวี่"
โจวหยางผงะไปครู่หนึ่งจากนั้นก็พูดขึ้นหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง"นับเป็นแขกที่หายากจริงๆไม่ทราบว่ามีธุระอะไรหรือเปล่า?"า
"ไม่ทราบว่าคุณโจวมีเวลามั้ยเราอยากจะเชิญคุณมาที่ตระกูลสวี่ในฐานะแขก"
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.readmeapps.com All rights reserved