บทที่ 870 เทพบุตรบินไปแล้ว!
by หลิงหยุน
08:01,Apr 02,2021
โจวหยางฟังออกโดยธรรมชาติว่าผู้อาวุโสจากตระกูลสวี่กำลังโอ้อวดอยู่แต่เขาจะไม่มีวันเอาเรื่องแบบนี้เข้ามาใส่ใจ
เนื่องจากทรัพย์สินของเขาเขาก็สามารถซื้อเฮลิคอปเตอร์ได้นับไม่ถ้วนแม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่มีเฮลิคอปเตอร์และไม่เคยนั่งมาก่อนแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะมีความอิจฉาหรือริษยา
นี่เหมือนกับลูกคนรวยที่ไปโรงเรียนประถมและนักเรียนคนหนึ่งก็โชว์ว่าเขามีกบเหลาดินสออัติโนมัติ
ลูกคนรวยนั้นไม่มีกบเหลาดินสออัตโนมัติแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะอิจฉานักเรียนคนนั้นจริงๆ
ในเมื่ออีกฝ่ายต้องการส่งเฮลิคอปเตอร์มารับเขาก็ช่วยเขาได้มากดังนั้นเขาจึงตกลงอย่างเรียบง่าย
เจ้าบ้านตระกูลสวี่วางสายโทรศัพท์ด้วยความหดหู่เพราะเขาจงใจเน้นว่าเขามีเฮลิคอปเตอร์แต่โจวหยางไม่ได้มีการแสดงออกพิเศษใดๆเลยซึ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนชกลงบนผ้านวมทำให้รู้สึกอึดอัดอย่างมาก
แต่อารมณ์เสียนี้เขาทำได้เพียงแค่ลิ้มรสมันเงียบๆด้วยตัวเองจากนั้นก็ส่งเฮลิคอปเตอร์ไปรับโจวหยาง
เย่ฉู่เชี่ยนเคาะประตูห้องทำงานของโจวหยางในตึกหมิงหยางอันเป็นที่ตั้งของบริษัทหมิงหยาง"ประธานโจสมีเอกสารที่คุณต้องเซ็นชื่อที่นี่"
สายตาที่เย่ฉู่เชี่ยนมองไปที่โจวหยางเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
เดิมทีเธออาจกล่าวได้ว่าเป็นผู้หญิงที่สนิทที่สุดคนหนึ่งของโจวหยางแต่ตอนนี้ในฐานะผู้ช่วยของโจวหยางเธอแทบไม่เห็นโจวหยางเลย
ไม่รู้ว่าทำไมมันเป็นเรื่องดีที่เจ้านายมักจะไม่มาทำงานเพราะนั่นหมายความว่าเธอมีอิสระมาก
แต่เย่ฉู่เชี่ยนกลับรู้สึกหดหู่อย่างมากเงาของโจวหยางมักปรากฏขึ้นในหัวของเธอเสมอ
บ่อยครั้งที่เธอคิดถึงโจวหยางจนนอนไม่หลับไปได้แต่ระยะห่างระหว่างเธอกับโจวหยางนั้นกลับไกลออกไปเรื่อยๆ
สิ่งนี้ทำให้เธออารมณ์เสียมากวันนี้ในที่สุดเธอก็จับโจวหยางได้จากนั้นจึงมาส่งเอกสารให้โจวหยางที่ห้องทำงานหลายสิบครั้ง
ตอนนี้ใช้ประโยชน์จากเวลาที่เธอมาที่ห้องทำงานเพื่อส่งเอกสารเธอวางแผนที่นัดโจวหยางออกไปคุยข้างนอก
"ประธานโจวเกือบเลิกงานแล้วคุณจะไม่กลับเหรอ?"เย่ฉู่เชี่ยนพูดอย่างนุ่มนวลขณะมองดูโจวหยางก้มหน้าลงและเซ็นเอกสาร
"อืมเซ็นเสร็จแล้วฉันก็จะไปแล้วพอดีว่ายังมีอะไรต้องทำอีก"โจวหยางพูดพร้อมกับวางปากกาในมือจากนั้นก็มองไปที่เย่ฉู่เชี่ยนและพูดว่า"ถ้าไม่มีอะไรแล้วเธอก็เลิกงานได้"
"เลิกงานเร็วได้ห้ามทำงานล่วงเวลานะ"
โจวหยางพูดล้อเล่นเมื่อพูดจบเขาก็ลุกขึ้นยืนและเดินออกไปข้างนอก
แต่เย่ฉู่เชี่ยนอึ้งไปเล็กน้อย
นี่จะไปแล้วเหรอ?
เธอยังไม่ทันได้ลงมือเลย!
เธอรีบตะโกนเรียกโจวหยางได้"เอ่อคือประประธานโจว!"
โจวหยางหันกลับไปมองทางเย่ฉู่เชี่ยนจึงตระหนักได้ว่าเธอในวันนี้ดูแตกต่างจากแต่ก่อนเล็กน้อย
ถ้าจะให้พูดก็คือเธอสวยเกินไปแล้ว
เย่ฉู่เชี่ยนเป็นคนที่มีความงดงามอย่างมากในฐานะผู้ช่วยของโจวหยางในบริษัทหมิงหยางเธอเป็นพนักงานที่อยู่ในระดับแนวหน้าของสังคมเธออาศัยอยู่ในคฤหาสน์และสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดังทั้งตัวเธอดูบอบบางน่าทะนุถนอมมาก
แต่เย่ฉู่เชี่ยนในวันนี้มีความประณีตมากขึ้นกว่าที่เคยเธอสวมชุดทำงานกระโปรงสั้นยาวถึงหัวเข่าและแต่งหน้าบางๆบนใบหน้าของเธอ
ที่จริงแล้วความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดก็คือนิสัยของเธอเย่ฉู่เชี่ยนในวันนี้ดูขี้อายและมีเสน่ห์เล็กน้อยนอกจากออร่ามืออาชีพแล้วเธอยังมีความเป็นผู้หญิงอีกด้วยทำให้โจวหยางเหม่อไปเล็กน้อย
ล้อเล่นน่ะเพราะวันนี้โจวหยางมาที่บริษัทเย่ฉู่เชี่ยนจึงเติมหน้าตลอดทั้งวัน!หากจะบอกว่าไม่มีผลเลยก็แย่แล้ว!
เมื่อเห็นสายตาเหม่อลอยของโจวหยางในใจเย่ฉู่เชี่ยนจึงรู้สึกปลาบปลื้มมากแต่ใบหน้าของเธอก็ยิ่งเขินอาย"เอ่อประธานโจวคุณยังไม่ได้ทานอาหารเย็นใช่มั้ยล่ะถ้าคุณสะดวกเราไปทานอาหารเย็นด้วยกันเถอะ"
หลังจากพูดจบแล้วหน้าของเย่ฉู่เชี่ยนก็แดงราวกับจะมีเลือดไหลออกมา
นี่ชัดเจนมากแล้วไม่ได้เป็นการบอกใบ้เลยสักนิดเชิญโจวหยางออกไปทานอาหารเย็นด้วยกัน!
ในสังคมผู้ใหญ่นั้นความสัมพันธ์มากมายเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อคุณออกไปกินข้าวตอนกลางคืนด้วยกันโดยเฉพาะหนุ่มสาวไปกันสองต่อสอง
นั่นเป็นเหตุผลที่เย่ฉู่เชี่ยนอาย
โจวหยางก็อึ้งไปเล็กน้อย
เมื่อเห็นรูปร่างที่น่าดึงดูดของเธอเขาก็รู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อย
แน่นอนว่าเขายังคงปฏิเสธ
เพราะเขาได้สัญญาว่าจะไปเยี่ยมตระกูลสวี่ในฐานะแขกแล้ว
ไม่ใช่ว่าตระกูลสวี่มีความสำคัญมากในจิตใจของโจวหยางสำคัญกว่าการกินข้าวกับเย่ฉู่เชี่ยนแต่เขาเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับคำสัญญามาโดยตลอด
แม้ว่าตระกูลสวี่จะมีฐานะอยู่ในใจของเขาเหมือนมดเนื่องจากเขาได้สัญญากับตระกูลสวี่ว่าจะไปเป็นแขกของตระกูลสวี่แล้วเขาจึงปฏิเสธอย่างอื่นทั้งหมดเพื่อที่จะไปตระกูลสวี่แน่นอนว่านี่คือหลักการของโจวหยาง
ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธเธอ
แน่นอนว่าเย่ฉู่เชี่ยนรู้สึกผิดหวังเธอยังคงต้องการสู้ต่อให้โจวหยางอยู่กับเธอต่อแต่ในเวลานี้มีเสียงคำรามดังมาจากนอกหน้าต่าง
"เกิดอะไรขึ้น?นี่มันอะไรกัน?"เย่ฉู่เชี่ยนถามด้วยท่าทางลนลาน
เสียงดังกล่าวทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยต้องรู้ว่าพวกเขาอยู่ชั้น72!
โดยปกติเมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างมักจะเป็นอาคารสูงที่ไม่มีที่สิ้นสุดและทิวทัศน์ต่างๆในเมือง
อาคารนี้มีลักษณะตระหง่านเป็นภูเขาลูกเดียว
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือบริษัทหมิงหยางเป็นอาคารที่สูงที่สุดในบริเวณใกล้เคียงอาคารอื่นๆต่างสูงไม่ถึงตึกของบริษัทหมิงหยาง
ดังนั้นโดยปกติแล้วบริษัทหมิงหยางจะเงียบมากอย่างน้อยก็เงียบมากที่ข้างนอกหน้าต่าง
อะไรทำให้เสียงดังขึ้นมาถึงชั้น72ได้?
ไม่มีอะไรเลยนอกจากอากาศข้างนอกจะไม่เงียบได้อย่างไร?
แต่ตอนนี้มีเสียงคำรามขนาดใหญ่อยู่ข้างนอกซึ่งทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจราวกับว่าจุดจบของเธอมาถึงแล้ว
คงไม่ใช่แผ่นดินไหวนะ!
เย่ฉู่เชี่ยนมองไปที่โจวหยางด้วยความตื่นตระหนก
ใบหน้าของโจวหยางสงบและมีแม้กระทั่งความรู้สึกจนปัญญาบนใบหน้าของเขา
พวกคนแก่ในตระกูลสวี่ต้องทำตัวโอ้อวดขนาดนั้นเลยเหรอ?
เฮลิคอปเตอร์ขับตรงมาที่ด้านนอกห้องทำงานของเขาจริงๆการมีเฮลิคอปเตอร์นั้นยอดเยี่ยมจริงๆหรือ?
โจวหยางส่ายหัวเดินเข้าไปในห้องทำงานและเปิดหน้าต่าง
ลมแรงพัดเข้ามาในห้องทำงานเย่ฉู่เชี่ยนเห็นที่มาของเสียงคำรามอย่างชัดเจนมันคือเฮลิคอปเตอร์!
เฮลิคอปเตอร์สีดำเหมือนนกอินทรีเหล็กลอยอยู่กลางอากาศพร้อมเสียงคำรามขนาดใหญ่
เมื่อได้เห็นการทำงานของเฮลิคอปเตอร์ในระยะใกล้ด้วยตนเองจึงเข้าใจได้อย่างแท้จริงว่าเครื่องจักรยักษ์นี้ทรงพลังเพียงใด
เย่ฉู่เชียนแอบตระหนกอยู่ในใจฉากเบื้องหน้าของเธอเหมือนกับกองกำลังพิเศษในภาพยนตร์ไซไฟ
แต่โจวหยางยืนเงียบๆอยู่ข้างหน้าต่างและเงาร่างที่เขาจ้องมองไปที่ภาพเฮลิคอปเตอร์ก็ดูงดงามมากในขณะนี้
สมกับเป็นเทพบุตร!
จากนั้นโจวหยางก็กระโดดออกจากหน้าต่างขึ้นเฮลิคอปเตอร์
แล้วเทพบุตรก็บินจากไป
เนื่องจากทรัพย์สินของเขาเขาก็สามารถซื้อเฮลิคอปเตอร์ได้นับไม่ถ้วนแม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่มีเฮลิคอปเตอร์และไม่เคยนั่งมาก่อนแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะมีความอิจฉาหรือริษยา
นี่เหมือนกับลูกคนรวยที่ไปโรงเรียนประถมและนักเรียนคนหนึ่งก็โชว์ว่าเขามีกบเหลาดินสออัติโนมัติ
ลูกคนรวยนั้นไม่มีกบเหลาดินสออัตโนมัติแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะอิจฉานักเรียนคนนั้นจริงๆ
ในเมื่ออีกฝ่ายต้องการส่งเฮลิคอปเตอร์มารับเขาก็ช่วยเขาได้มากดังนั้นเขาจึงตกลงอย่างเรียบง่าย
เจ้าบ้านตระกูลสวี่วางสายโทรศัพท์ด้วยความหดหู่เพราะเขาจงใจเน้นว่าเขามีเฮลิคอปเตอร์แต่โจวหยางไม่ได้มีการแสดงออกพิเศษใดๆเลยซึ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนชกลงบนผ้านวมทำให้รู้สึกอึดอัดอย่างมาก
แต่อารมณ์เสียนี้เขาทำได้เพียงแค่ลิ้มรสมันเงียบๆด้วยตัวเองจากนั้นก็ส่งเฮลิคอปเตอร์ไปรับโจวหยาง
เย่ฉู่เชี่ยนเคาะประตูห้องทำงานของโจวหยางในตึกหมิงหยางอันเป็นที่ตั้งของบริษัทหมิงหยาง"ประธานโจสมีเอกสารที่คุณต้องเซ็นชื่อที่นี่"
สายตาที่เย่ฉู่เชี่ยนมองไปที่โจวหยางเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
เดิมทีเธออาจกล่าวได้ว่าเป็นผู้หญิงที่สนิทที่สุดคนหนึ่งของโจวหยางแต่ตอนนี้ในฐานะผู้ช่วยของโจวหยางเธอแทบไม่เห็นโจวหยางเลย
ไม่รู้ว่าทำไมมันเป็นเรื่องดีที่เจ้านายมักจะไม่มาทำงานเพราะนั่นหมายความว่าเธอมีอิสระมาก
แต่เย่ฉู่เชี่ยนกลับรู้สึกหดหู่อย่างมากเงาของโจวหยางมักปรากฏขึ้นในหัวของเธอเสมอ
บ่อยครั้งที่เธอคิดถึงโจวหยางจนนอนไม่หลับไปได้แต่ระยะห่างระหว่างเธอกับโจวหยางนั้นกลับไกลออกไปเรื่อยๆ
สิ่งนี้ทำให้เธออารมณ์เสียมากวันนี้ในที่สุดเธอก็จับโจวหยางได้จากนั้นจึงมาส่งเอกสารให้โจวหยางที่ห้องทำงานหลายสิบครั้ง
ตอนนี้ใช้ประโยชน์จากเวลาที่เธอมาที่ห้องทำงานเพื่อส่งเอกสารเธอวางแผนที่นัดโจวหยางออกไปคุยข้างนอก
"ประธานโจวเกือบเลิกงานแล้วคุณจะไม่กลับเหรอ?"เย่ฉู่เชี่ยนพูดอย่างนุ่มนวลขณะมองดูโจวหยางก้มหน้าลงและเซ็นเอกสาร
"อืมเซ็นเสร็จแล้วฉันก็จะไปแล้วพอดีว่ายังมีอะไรต้องทำอีก"โจวหยางพูดพร้อมกับวางปากกาในมือจากนั้นก็มองไปที่เย่ฉู่เชี่ยนและพูดว่า"ถ้าไม่มีอะไรแล้วเธอก็เลิกงานได้"
"เลิกงานเร็วได้ห้ามทำงานล่วงเวลานะ"
โจวหยางพูดล้อเล่นเมื่อพูดจบเขาก็ลุกขึ้นยืนและเดินออกไปข้างนอก
แต่เย่ฉู่เชี่ยนอึ้งไปเล็กน้อย
นี่จะไปแล้วเหรอ?
เธอยังไม่ทันได้ลงมือเลย!
เธอรีบตะโกนเรียกโจวหยางได้"เอ่อคือประประธานโจว!"
โจวหยางหันกลับไปมองทางเย่ฉู่เชี่ยนจึงตระหนักได้ว่าเธอในวันนี้ดูแตกต่างจากแต่ก่อนเล็กน้อย
ถ้าจะให้พูดก็คือเธอสวยเกินไปแล้ว
เย่ฉู่เชี่ยนเป็นคนที่มีความงดงามอย่างมากในฐานะผู้ช่วยของโจวหยางในบริษัทหมิงหยางเธอเป็นพนักงานที่อยู่ในระดับแนวหน้าของสังคมเธออาศัยอยู่ในคฤหาสน์และสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดังทั้งตัวเธอดูบอบบางน่าทะนุถนอมมาก
แต่เย่ฉู่เชี่ยนในวันนี้มีความประณีตมากขึ้นกว่าที่เคยเธอสวมชุดทำงานกระโปรงสั้นยาวถึงหัวเข่าและแต่งหน้าบางๆบนใบหน้าของเธอ
ที่จริงแล้วความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดก็คือนิสัยของเธอเย่ฉู่เชี่ยนในวันนี้ดูขี้อายและมีเสน่ห์เล็กน้อยนอกจากออร่ามืออาชีพแล้วเธอยังมีความเป็นผู้หญิงอีกด้วยทำให้โจวหยางเหม่อไปเล็กน้อย
ล้อเล่นน่ะเพราะวันนี้โจวหยางมาที่บริษัทเย่ฉู่เชี่ยนจึงเติมหน้าตลอดทั้งวัน!หากจะบอกว่าไม่มีผลเลยก็แย่แล้ว!
เมื่อเห็นสายตาเหม่อลอยของโจวหยางในใจเย่ฉู่เชี่ยนจึงรู้สึกปลาบปลื้มมากแต่ใบหน้าของเธอก็ยิ่งเขินอาย"เอ่อประธานโจวคุณยังไม่ได้ทานอาหารเย็นใช่มั้ยล่ะถ้าคุณสะดวกเราไปทานอาหารเย็นด้วยกันเถอะ"
หลังจากพูดจบแล้วหน้าของเย่ฉู่เชี่ยนก็แดงราวกับจะมีเลือดไหลออกมา
นี่ชัดเจนมากแล้วไม่ได้เป็นการบอกใบ้เลยสักนิดเชิญโจวหยางออกไปทานอาหารเย็นด้วยกัน!
ในสังคมผู้ใหญ่นั้นความสัมพันธ์มากมายเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อคุณออกไปกินข้าวตอนกลางคืนด้วยกันโดยเฉพาะหนุ่มสาวไปกันสองต่อสอง
นั่นเป็นเหตุผลที่เย่ฉู่เชี่ยนอาย
โจวหยางก็อึ้งไปเล็กน้อย
เมื่อเห็นรูปร่างที่น่าดึงดูดของเธอเขาก็รู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อย
แน่นอนว่าเขายังคงปฏิเสธ
เพราะเขาได้สัญญาว่าจะไปเยี่ยมตระกูลสวี่ในฐานะแขกแล้ว
ไม่ใช่ว่าตระกูลสวี่มีความสำคัญมากในจิตใจของโจวหยางสำคัญกว่าการกินข้าวกับเย่ฉู่เชี่ยนแต่เขาเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับคำสัญญามาโดยตลอด
แม้ว่าตระกูลสวี่จะมีฐานะอยู่ในใจของเขาเหมือนมดเนื่องจากเขาได้สัญญากับตระกูลสวี่ว่าจะไปเป็นแขกของตระกูลสวี่แล้วเขาจึงปฏิเสธอย่างอื่นทั้งหมดเพื่อที่จะไปตระกูลสวี่แน่นอนว่านี่คือหลักการของโจวหยาง
ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธเธอ
แน่นอนว่าเย่ฉู่เชี่ยนรู้สึกผิดหวังเธอยังคงต้องการสู้ต่อให้โจวหยางอยู่กับเธอต่อแต่ในเวลานี้มีเสียงคำรามดังมาจากนอกหน้าต่าง
"เกิดอะไรขึ้น?นี่มันอะไรกัน?"เย่ฉู่เชี่ยนถามด้วยท่าทางลนลาน
เสียงดังกล่าวทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยต้องรู้ว่าพวกเขาอยู่ชั้น72!
โดยปกติเมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างมักจะเป็นอาคารสูงที่ไม่มีที่สิ้นสุดและทิวทัศน์ต่างๆในเมือง
อาคารนี้มีลักษณะตระหง่านเป็นภูเขาลูกเดียว
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือบริษัทหมิงหยางเป็นอาคารที่สูงที่สุดในบริเวณใกล้เคียงอาคารอื่นๆต่างสูงไม่ถึงตึกของบริษัทหมิงหยาง
ดังนั้นโดยปกติแล้วบริษัทหมิงหยางจะเงียบมากอย่างน้อยก็เงียบมากที่ข้างนอกหน้าต่าง
อะไรทำให้เสียงดังขึ้นมาถึงชั้น72ได้?
ไม่มีอะไรเลยนอกจากอากาศข้างนอกจะไม่เงียบได้อย่างไร?
แต่ตอนนี้มีเสียงคำรามขนาดใหญ่อยู่ข้างนอกซึ่งทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจราวกับว่าจุดจบของเธอมาถึงแล้ว
คงไม่ใช่แผ่นดินไหวนะ!
เย่ฉู่เชี่ยนมองไปที่โจวหยางด้วยความตื่นตระหนก
ใบหน้าของโจวหยางสงบและมีแม้กระทั่งความรู้สึกจนปัญญาบนใบหน้าของเขา
พวกคนแก่ในตระกูลสวี่ต้องทำตัวโอ้อวดขนาดนั้นเลยเหรอ?
เฮลิคอปเตอร์ขับตรงมาที่ด้านนอกห้องทำงานของเขาจริงๆการมีเฮลิคอปเตอร์นั้นยอดเยี่ยมจริงๆหรือ?
โจวหยางส่ายหัวเดินเข้าไปในห้องทำงานและเปิดหน้าต่าง
ลมแรงพัดเข้ามาในห้องทำงานเย่ฉู่เชี่ยนเห็นที่มาของเสียงคำรามอย่างชัดเจนมันคือเฮลิคอปเตอร์!
เฮลิคอปเตอร์สีดำเหมือนนกอินทรีเหล็กลอยอยู่กลางอากาศพร้อมเสียงคำรามขนาดใหญ่
เมื่อได้เห็นการทำงานของเฮลิคอปเตอร์ในระยะใกล้ด้วยตนเองจึงเข้าใจได้อย่างแท้จริงว่าเครื่องจักรยักษ์นี้ทรงพลังเพียงใด
เย่ฉู่เชียนแอบตระหนกอยู่ในใจฉากเบื้องหน้าของเธอเหมือนกับกองกำลังพิเศษในภาพยนตร์ไซไฟ
แต่โจวหยางยืนเงียบๆอยู่ข้างหน้าต่างและเงาร่างที่เขาจ้องมองไปที่ภาพเฮลิคอปเตอร์ก็ดูงดงามมากในขณะนี้
สมกับเป็นเทพบุตร!
จากนั้นโจวหยางก็กระโดดออกจากหน้าต่างขึ้นเฮลิคอปเตอร์
แล้วเทพบุตรก็บินจากไป
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.readmeapps.com All rights reserved