บทที่ 6 ผู้รักษาการคนใหม่ ท่านประธานอู๋
by อาห่าว
10:24,Nov 30,2020
“อะไรนะ กรุ๊ปเรามาถึงจุดนี้แล้วหรือ? พี่สาม ไม่กี่วันก่อนพี่เพิ่งบอกกับเราว่า ตลาดไปในแนวทางที่ดี เงินปันผลของผู้ถือหุ้นจะเพิ่มขึ้น พี่ไม่ได้โกหกพวกเราใช่ไหม?” ผู้ถือหุ้นรายหนึ่งที่ปกติมักจะไม่ถามเรื่องของบริษัท ดูตื่นตระหนกและรีบร้อนถามขึ้น
“ตลาดหุ้นตก? ตัวแทนจำหน่ายของสายบอกเลิกสัญญา? แล้วเราจะไปขายสินค้าจำนวนมากที่เราตุนเก็บไว้ก่อนหน้านี้ได้ที่ไหน?” ผู้ถือหุ้นที่ดูแลโรงงานผลิตอัญมณีและหยกถามด้วยความตื่นตระหนก
ผู้ถือหุ้นหญิงอีกคนก็ไม่สามารถนั่งนิ่งได้อีก เรื่องนี้มันเกี่ยวกับผลประโยชน์ของตัวเธอเอง เธอไม่สนใจต่ออำนาจของจางหงจุน และ จางหงซวนอีก เธอถามทันที "พี่ใหญ่ พี่สาม พี่สองคนทำอะไรไป ปกติกรุ๊ปก็จะเป็นพี่สองคนดูแล ตอนนี้เกิดปัญหาใหญ่โตเช่นนี้ พี่สองคนจะไม่ให้คำอธิบายเราบ้างเลยหรือ?”
สีหน้าของจางหงจุนซีดเผือก เขาไม่รู้ว่าเขาไปทำให้ผู้มีบารมีคนไหนขุ่นเคือง เขาคนนั้นจึงสั่งให้มาจัดการกับกรุ๊ปเครื่องประดับของตระกูลจางได้เช่นนี้
จางหงจุนมองไปที่ด้านข้างของจางหงซวน พร้อมพูดว่า "น้องสาม น้องมีวิธีแก้ไขปัญหาของตอนนี้หรือไม่? ประเด็นหลักตอนนี้คือพวกอุสาหกรรมรวมตัวคว่ำบาตรเรา เห็นได้ชัดว่ามุ่งประเด็นมาที่กรุ๊ปของเราโดยตรง"
จางหงซวนก็ทำอะไรไม่ถูก ใบหน้าของเขาซีดลง
"ตอนนี้ เราควรรู้ให้ชัดเจนว่าเป็นใครกัน ที่จัดการทุกอย่างอยู่เบื้องหลัง ดูสิว่ายังพอมีที่ทางที่จะยื้อวิกฤตนี้ได้ไหม" จางหงซวนพูดอย่างทำอะไรไม่ได้แล้ว
ทั้งสองคนที่มีอำนาจสุด ก็คิดไม่ออกเลยว่า พวกเขาไปทำให้ใครขุ่นเคือง?
ใครกันที่มีอำนาจมากเช่นนี้? ทำให้ จางซื่อ กรุ๊ป เจอวิกฤตล้มละลายภายในหนึ่งวันได้?
ยิ่งเห็นว่าแม้แต่ผู้ถืออำนาจทั้งสองก็ยังทำอะไรไม่ถูก ในห้องประชุมก็ยิ่งกระสับกระส่าย ผู้ถือหุ้นต่างก็ปรึกษาและโต้เถียงกันอย่างไม่หยุด
ก๊อก ก๊อก
ในเวลานี้ เลขาหญิงที่สวมแว่นตาก็เดินเข้ามาในห้องประชุมอีกครั้งด้วยท่าทางกังวล
"รองประธานคะ เมื่อกี้มีคนโทรมา เป็นเลขาของตงไห่ หนิงซื่อ กรุ๊ป เลขาของท่านประธาน คุณอู๋ เรียนว่า เขาต้องการคุยกับท่านเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดของ Zhang Group" เลขาหญิงพูดอย่างเคร่งเครียด
"หาฉัน?" จางหงซวนรู้สึกงงงวย
ทุกคนต่างมีสีหน้าที่งงงวย ตามหลักแล้ว ถ้ามีปัญหาแบบนี้ ก็ควรจะหาพี่ใหญ่ ผู้ที่เป็นประธานก่อนไม่ใช่หรือ?
ทำไมถึงหาพี่สาม? หรือว่า?
ทุกคนในห้องต่างมีไหวพริบ พวกเขาทั้งหมดจ้องไปที่จางหงซวนด้วยความสงสัย
"น้องสาม เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับนายหรือ? นายไปทำให้ ตงไห่ หนิงซื่อ กรุ๊ปขุ่นเคืองหรือ?" จางหงจุนมองไปที่จางหงซวน
ล้อเล่นหรือเปล่า เครือยักษ์อย่างตงไห่ หนิงซื่อ กรุ๊ป เป็นไปได้อย่างไรที่ Zhang Group จะไปแตะต้องได้
ฝ่ายนั้นเพียงแค่ประโยคเดียว ก็สามารถทำลาย Zhang Group ได้อย่างพินาศ!
"ผม... ผมเป็นไปได้ไง" จางหงซวนรีบปฏิเสธ
"ใช่ไม่ใช่ เราจะตรวจสอบให้รู้เรื่อง นายรีบรับโทรศัพท์ก่อน เปิดแฮนด์ฟรีด้วย ดูว่า ตงไห่ หนิงซื่อ กรุ๊ปว่าอย่างไร" จางหงจุนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
แม้ว่าเขาจะเป็นกรรมการผู้บริหารของ Zhang Group แต่ในความเป็นจริง อุตสาหกรรมที่เขาดูแลอยู่ แยกออกจากจางหงซวนโดยสิ้นเชิง
ทั้งสองคนต่างคุมครึ่งหนึ่งของจางกรุ๊ป โดยแต่ละคนถือหุ้น 30%
หากเป็นเพราะจางหงซวนเป็นต้นเหตุที่ทำร้ายตัวเอง แม้ว่าจะเป็นพี่น้องของเขาก็คงไม่ไว้หน้า!
จางหงซวนอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างมาก ต้องมารับสายที่เลขายื่นให้ ต่อหน้าผู้ถือหุ้นทุกคน
"คุณจางหงซวนใช่ไหมครับ" ปลายสายจากเลขาอู๋ น้ำเสียงของเขาเย็นชามาก
"ใช่ครับ สวัสดีครับคุณเลขาอู๋" จางหงซวนพูดอย่างสุภาพ
“อีกหนึ่งชั่วโมงจากนี้ ช่วยจัดการประชุมใหญ่ และเรียกผู้จัดการทั้งหมดของ Zhang Group เข้าร่วม พวกเรา หนิงซื่อกรุ๊ป จะมาพูดคุยเกี่ยวกับการเข้าซื้อบริษัทของคุณ จำไว้ว่า ให้ลูกชายของคุณ จางเทียนไห่ เข้าร่วม” เลขาอู๋พูด
"ครับ ครับ ได้ครับ!" จางหงซวนพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกโดยไม่กล้าปฏิเสธ
ติ๊ด เลขาอู๋วางสายทันที
ใบหน้าของจางหงซวนซีดเผือก ฝั่งโน้นพูดถึงลูกชายของเขา จางเทียนไห่ ในใจรู้สึกคลุมเครือเกรงจะเกิดเรื่องไม่ดี
สายตาของผู้ถือหุ้นทั้งหมดมองยังที่จางหงซวน สายตาพวกนั้นไร้ความปราณีและเกิดความสงสัยมากขึ้น
"เรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วน ตอนนี้เราจะประชุมใหญ่เรียกผู้จัดการทั้งหมดของบริษัทมา รอให้คนจากฝั่งหนิงซื่อมา" จางหงจุนพูดอย่างจริงจัง
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง Zhang Groupได้รวบรวมผู้จัดการทั้งหมดมากกว่าสองร้อยคนมารวมตัวกันที่ห้องประชุมขนาดใหญ่
จางหงจุน และ จางหงซวน ทั้งสองยืนต้อนรับด้วยตัวเอง
สามชั่วโมงต่อมา ...
บรรยากาศในห้องประชุมหดหู่มากและทุกคนก็รออย่างใจจดใจจ่อ
การหารือที่ยาวนานกว่าสองชั่วโมงที่ผ่านมา ถดเถียงไปมา ก็ไม่ได้ข้อสรุปอะไร
ตอนนี้เห็นได้ชัดว่า ตงไห่ หนิงซื่อ กรุ๊ป มีอำนาจเพียงพอที่จะปล่อยให้พวกเขารออีกสองชั่วโมงด้วยความกังวล
แม้แต่จางหงจุนและจางหงซวน ทั้งสองที่มีอำนาจ ก็เดินวนไปวนมาอย่างกังวล รอคนของตระกูลหนิง
ทั้งสองคนไม่กล้าโทรถามด้วยซ้ำ เพราะกลัวว่าจะทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ ...
“พี่ โทรถามดีไหมว่า วันนี้คนของหนิงซื่อ จะไม่มาที่นี่แล้วใช่ไหม?” ผู้ถือหุ้นรายหนึ่งนั่งนิ่งไม่ได้จริงๆ มันรู้สึกอึดอัดเกินไป
“พ่อตา ผมว่าวันนี้เราแยกย้ายก่อน ถ้าคนของหนิงซื่อมาถึง เราค่อยรวมตัวก็ไม่สาย” ซุนเหิงลูกเขยของจางหงจุนก็นั่งนิ่งไม่ไหว ลองถามข้อเสนอ
“เราทำได้แค่รอเท่านั้น เส้นทางชีวิตของกรุ๊ปเราอยู่ในมือของหนิงซื่อ” จางหงจุนพูดอย่างแน่วแน่
"พ่อ ยังไงกัน คนของหนิงซื่อไม่มาแล้วเหรอ?" จางเทียนไห่ก็ถามขึ้น เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ทำไมเลขาอู๋ของหนิงซื่อถึงเรียกเขาไปที่นั่น แม้ว่าเขาจะเป็นผู้จัดการสาขาของ Zhang Group ก็ตาม
"ตงไห่ หนิงซื่อ กรุ๊ป พวกเขาใหญ่โตมากเลยหรือ? ถึงได้ให้คนสองร้อยคนจากตระกูลจางของเรา รอแค่เลขาคนหนึ่ง?" จางเทียนไห่พูดด้วยความไม่พอใจ
"ไอ่คนโง่ หุบปากเลย!" จางหงซวนดุใส่ "แกรู้อะไร แกรู้หรือไม่ว่าคำว่าหนิงซื่อสองคำนี้หมายถึงอะไร วันๆ มีแต่สร้างปัญหาให้ทั่ว ยังไม่รู้เลยว่า ครั้งนี้เป็นเพราะแกเป็นต้นเหตุหายนะของเรื่องนี้หรือเปล่า!”
บรรยากาศในห้องกลับเข้าสู่ความหดหู่อีกครั้ง จิตใจของคนเหล่านั้นต่างก็ทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก
แม้ว่าเครื่องปรับอากาศในห้องประชุมจะเพียงพอ แต่ผู้จัดการและผู้ถือหุ้นหลายคนก็เหงื่อแตกไปตามๆ กัน
ในเวลานี้ ที่ด้านนอกห้องประชุม ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับทีมธุรกิจและทนายความสองคนอย่างรีบร้อน
"ทุกท่านครับ ผมขอแนะนำตัวเองก่อน ผมอู๋หยางผู้รับผิดชอบการซื้อบริษัท Zhang Group ของหนิงซื่อ" เลขาอู๋กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“ในขณะเดียวกัน ผมก็เป็นผู้รักษาการประธานคนใหม่ของ Zhang's Jewelry Group ซึ่งเป็นตัวแทนของท่านประธานบริหารหนิง จะรับผิดชอบกิจการทั้งหมดของ Zhang's Jewelry Group”
ระหว่างพูด เลขาอู๋ก็ดึงที่นั่งที่เป็นของท่านประธานออกมา และก็นั่งลง
ตำแหน่งท่านประธานผู้บริหารว่างลง นับตั้งแต่หลังการเสียชีวิตของนายท่านจาง แม้แต่ลูกคนโตและคนที่สาม ที่มีอำนาจในตระกูลจาง ก็ยังได้รับการยกย่องให้เป็นแค่กรรมการบริหาร
"นี่!"
ใบหน้าของคนตระกูลจางในห้องประชุม ต่างดูแย่มาก
อย่างไรก็ตามพวกเขาต่างกลัวความยิ่งใหญ่ของ ตงไห่ หนิงซื่อ กรุ๊ป ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ส่วนตัวของพวกเขาเอง พวกเขาจึงไม่กล้าพูดคัดค้านแต่อย่างใด
เลขาอู๋ยิ้มจางๆ มองไปที่สีหน้าของทุกคนในตระกูลจางและพูดว่า "พวกคุณอาจยังไม่เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้ใช่ไหมครับ"
"ตอนนี้ผมมีสัดส่วนการถือหุ้น 55% ใน Zhang's Jewelry Group นอกจากนี้ผมยังมีโรงงานจิวเวลรี่ 20แห่ง และสาขาร้านค้าอีก 30แห่งภายใต้สิทธิของเจ้าหนี้ของกรุ๊ป"
“ผมคิดว่า ผมนั่งตำแหน่งประธานผู้บริหาร คงไม่มีใครต่อต้านใช่ไหมครับ?”
คำพูดของเลขาอู๋ดังลั่น ทุกคนได้แต่เงียบกัน
"นี่คือเอกสารเกี่ยวกับแผนการซื้อบริษัท ทุกท่านลองดูให้ชัดเจนด้วยนะครับ"
ระหว่างพูด เลขาอู๋ ขอให้ผู้ติดตามทีมแจกจ่ายเอกสารให้กับผู้ถือหุ้นที่มาร่วมประชุม
ผู้ถือหุ้นทุกคนในที่นี้ต่างมีท่าทีที่เคร่งเครียด ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่
"ใครคือ จางเทียนไห่ ครับ" ทันใดนั้นเลขาอู๋ก็ถามขึ้นมา
"ผมครับ ไม่ทราบว่าท่านประธานอู๋ หาผมมีเรื่องอะไรครับ?" จางเซียนไห่พูดอย่างประจบ
“ตำแหน่งนายคืออะไร มีสิทธิอะไรมาพูดที่นี่” เลขาอู๋มองไปที่จางเซียนไห่อย่างเย็นชาและโยนตราประทับใส่เขา
ปัง
ตราประทับพุ่งตรงหน้าท้องของจางเทียนไห่พอดี เหมือนเขาจะถูกตีด้วยค้อนอย่างแรง ท้องของเขาจุก และได้อาเจียนของเหลวสกปรกบนโต๊ะประชุม
จางเทียนไห่รู้สึกขุ่นเคือง เขารู้สึกเสียความรู้สึกและอับอายอย่างมาก สายตาที่โกรธแค้นจ้องมองไปที่เลขาอู๋ แต่เขาไม่กล้าที่จะโต้แย้งอะไรทั้งสิ้น
เขาไม่เข้าใจ ว่าทำไมเลขาอู๋ของหนิงซื่อคนนี้ มาถึงมีเป้าหมายในตัวเขาโดยไม่มีเหตุผล!
"ทุกท่าน เดิมทีผมอยากคุยธุรกิจ แต่ดูเหมือนว่าจะต้องทำความสะอาดสถานที่นี้ก่อน" เลขาอู๋พูด
“ได้ครับ ท่านประธานอู๋ ผมจะให้คนจัดการทำความสะอาดสถานที่เดี๋ยวนี้” จางหงซวนพูดด้วยสีหน้าประจบ
แม้ว่าเขาอยากจะช่วยลูกชายขนาดไหน แต่เขาก็รู้ว่าสถานการณ์สำคัญกว่าคน และเขาก็เรียนรู้ที่จะก้มหัวได้อย่างรวดเร็ว
"หึ" เลขาอู๋หัวเราะ "บริษัทควรมีกฎ ใครเป็นคนทำ คนนั้นต้องรับผิดชอบ"
จางหงซนยิ้มอย่างฝืนๆ จากนั้นหันกลับไปต่อว่าจางเทียนไห่ "ลูกทรพี ยังกล้าที่จะสร้างปัญหาต่อหน้าท่านประธานอู๋ ยังไม่รีบทำความสะอาดที่นี้เดี๋ยวนี้ ทำให้ฉันอับอายสิ้นดี!"
"ยังจะให้ผมเน้นอีกครั้งหรือ?" เลขาอู๋พูด และมองไปที่จางหงซวนด้วยสายตาที่เฉียบคม "อาเจียนออกมาได้ยังไง ก็เอากลับไปอย่างนั้น ผมต้องการให้เขาเลียโต๊ะให้สะอาด และกินมันกลับไป!"
“ตลาดหุ้นตก? ตัวแทนจำหน่ายของสายบอกเลิกสัญญา? แล้วเราจะไปขายสินค้าจำนวนมากที่เราตุนเก็บไว้ก่อนหน้านี้ได้ที่ไหน?” ผู้ถือหุ้นที่ดูแลโรงงานผลิตอัญมณีและหยกถามด้วยความตื่นตระหนก
ผู้ถือหุ้นหญิงอีกคนก็ไม่สามารถนั่งนิ่งได้อีก เรื่องนี้มันเกี่ยวกับผลประโยชน์ของตัวเธอเอง เธอไม่สนใจต่ออำนาจของจางหงจุน และ จางหงซวนอีก เธอถามทันที "พี่ใหญ่ พี่สาม พี่สองคนทำอะไรไป ปกติกรุ๊ปก็จะเป็นพี่สองคนดูแล ตอนนี้เกิดปัญหาใหญ่โตเช่นนี้ พี่สองคนจะไม่ให้คำอธิบายเราบ้างเลยหรือ?”
สีหน้าของจางหงจุนซีดเผือก เขาไม่รู้ว่าเขาไปทำให้ผู้มีบารมีคนไหนขุ่นเคือง เขาคนนั้นจึงสั่งให้มาจัดการกับกรุ๊ปเครื่องประดับของตระกูลจางได้เช่นนี้
จางหงจุนมองไปที่ด้านข้างของจางหงซวน พร้อมพูดว่า "น้องสาม น้องมีวิธีแก้ไขปัญหาของตอนนี้หรือไม่? ประเด็นหลักตอนนี้คือพวกอุสาหกรรมรวมตัวคว่ำบาตรเรา เห็นได้ชัดว่ามุ่งประเด็นมาที่กรุ๊ปของเราโดยตรง"
จางหงซวนก็ทำอะไรไม่ถูก ใบหน้าของเขาซีดลง
"ตอนนี้ เราควรรู้ให้ชัดเจนว่าเป็นใครกัน ที่จัดการทุกอย่างอยู่เบื้องหลัง ดูสิว่ายังพอมีที่ทางที่จะยื้อวิกฤตนี้ได้ไหม" จางหงซวนพูดอย่างทำอะไรไม่ได้แล้ว
ทั้งสองคนที่มีอำนาจสุด ก็คิดไม่ออกเลยว่า พวกเขาไปทำให้ใครขุ่นเคือง?
ใครกันที่มีอำนาจมากเช่นนี้? ทำให้ จางซื่อ กรุ๊ป เจอวิกฤตล้มละลายภายในหนึ่งวันได้?
ยิ่งเห็นว่าแม้แต่ผู้ถืออำนาจทั้งสองก็ยังทำอะไรไม่ถูก ในห้องประชุมก็ยิ่งกระสับกระส่าย ผู้ถือหุ้นต่างก็ปรึกษาและโต้เถียงกันอย่างไม่หยุด
ก๊อก ก๊อก
ในเวลานี้ เลขาหญิงที่สวมแว่นตาก็เดินเข้ามาในห้องประชุมอีกครั้งด้วยท่าทางกังวล
"รองประธานคะ เมื่อกี้มีคนโทรมา เป็นเลขาของตงไห่ หนิงซื่อ กรุ๊ป เลขาของท่านประธาน คุณอู๋ เรียนว่า เขาต้องการคุยกับท่านเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดของ Zhang Group" เลขาหญิงพูดอย่างเคร่งเครียด
"หาฉัน?" จางหงซวนรู้สึกงงงวย
ทุกคนต่างมีสีหน้าที่งงงวย ตามหลักแล้ว ถ้ามีปัญหาแบบนี้ ก็ควรจะหาพี่ใหญ่ ผู้ที่เป็นประธานก่อนไม่ใช่หรือ?
ทำไมถึงหาพี่สาม? หรือว่า?
ทุกคนในห้องต่างมีไหวพริบ พวกเขาทั้งหมดจ้องไปที่จางหงซวนด้วยความสงสัย
"น้องสาม เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับนายหรือ? นายไปทำให้ ตงไห่ หนิงซื่อ กรุ๊ปขุ่นเคืองหรือ?" จางหงจุนมองไปที่จางหงซวน
ล้อเล่นหรือเปล่า เครือยักษ์อย่างตงไห่ หนิงซื่อ กรุ๊ป เป็นไปได้อย่างไรที่ Zhang Group จะไปแตะต้องได้
ฝ่ายนั้นเพียงแค่ประโยคเดียว ก็สามารถทำลาย Zhang Group ได้อย่างพินาศ!
"ผม... ผมเป็นไปได้ไง" จางหงซวนรีบปฏิเสธ
"ใช่ไม่ใช่ เราจะตรวจสอบให้รู้เรื่อง นายรีบรับโทรศัพท์ก่อน เปิดแฮนด์ฟรีด้วย ดูว่า ตงไห่ หนิงซื่อ กรุ๊ปว่าอย่างไร" จางหงจุนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
แม้ว่าเขาจะเป็นกรรมการผู้บริหารของ Zhang Group แต่ในความเป็นจริง อุตสาหกรรมที่เขาดูแลอยู่ แยกออกจากจางหงซวนโดยสิ้นเชิง
ทั้งสองคนต่างคุมครึ่งหนึ่งของจางกรุ๊ป โดยแต่ละคนถือหุ้น 30%
หากเป็นเพราะจางหงซวนเป็นต้นเหตุที่ทำร้ายตัวเอง แม้ว่าจะเป็นพี่น้องของเขาก็คงไม่ไว้หน้า!
จางหงซวนอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างมาก ต้องมารับสายที่เลขายื่นให้ ต่อหน้าผู้ถือหุ้นทุกคน
"คุณจางหงซวนใช่ไหมครับ" ปลายสายจากเลขาอู๋ น้ำเสียงของเขาเย็นชามาก
"ใช่ครับ สวัสดีครับคุณเลขาอู๋" จางหงซวนพูดอย่างสุภาพ
“อีกหนึ่งชั่วโมงจากนี้ ช่วยจัดการประชุมใหญ่ และเรียกผู้จัดการทั้งหมดของ Zhang Group เข้าร่วม พวกเรา หนิงซื่อกรุ๊ป จะมาพูดคุยเกี่ยวกับการเข้าซื้อบริษัทของคุณ จำไว้ว่า ให้ลูกชายของคุณ จางเทียนไห่ เข้าร่วม” เลขาอู๋พูด
"ครับ ครับ ได้ครับ!" จางหงซวนพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกโดยไม่กล้าปฏิเสธ
ติ๊ด เลขาอู๋วางสายทันที
ใบหน้าของจางหงซวนซีดเผือก ฝั่งโน้นพูดถึงลูกชายของเขา จางเทียนไห่ ในใจรู้สึกคลุมเครือเกรงจะเกิดเรื่องไม่ดี
สายตาของผู้ถือหุ้นทั้งหมดมองยังที่จางหงซวน สายตาพวกนั้นไร้ความปราณีและเกิดความสงสัยมากขึ้น
"เรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วน ตอนนี้เราจะประชุมใหญ่เรียกผู้จัดการทั้งหมดของบริษัทมา รอให้คนจากฝั่งหนิงซื่อมา" จางหงจุนพูดอย่างจริงจัง
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง Zhang Groupได้รวบรวมผู้จัดการทั้งหมดมากกว่าสองร้อยคนมารวมตัวกันที่ห้องประชุมขนาดใหญ่
จางหงจุน และ จางหงซวน ทั้งสองยืนต้อนรับด้วยตัวเอง
สามชั่วโมงต่อมา ...
บรรยากาศในห้องประชุมหดหู่มากและทุกคนก็รออย่างใจจดใจจ่อ
การหารือที่ยาวนานกว่าสองชั่วโมงที่ผ่านมา ถดเถียงไปมา ก็ไม่ได้ข้อสรุปอะไร
ตอนนี้เห็นได้ชัดว่า ตงไห่ หนิงซื่อ กรุ๊ป มีอำนาจเพียงพอที่จะปล่อยให้พวกเขารออีกสองชั่วโมงด้วยความกังวล
แม้แต่จางหงจุนและจางหงซวน ทั้งสองที่มีอำนาจ ก็เดินวนไปวนมาอย่างกังวล รอคนของตระกูลหนิง
ทั้งสองคนไม่กล้าโทรถามด้วยซ้ำ เพราะกลัวว่าจะทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ ...
“พี่ โทรถามดีไหมว่า วันนี้คนของหนิงซื่อ จะไม่มาที่นี่แล้วใช่ไหม?” ผู้ถือหุ้นรายหนึ่งนั่งนิ่งไม่ได้จริงๆ มันรู้สึกอึดอัดเกินไป
“พ่อตา ผมว่าวันนี้เราแยกย้ายก่อน ถ้าคนของหนิงซื่อมาถึง เราค่อยรวมตัวก็ไม่สาย” ซุนเหิงลูกเขยของจางหงจุนก็นั่งนิ่งไม่ไหว ลองถามข้อเสนอ
“เราทำได้แค่รอเท่านั้น เส้นทางชีวิตของกรุ๊ปเราอยู่ในมือของหนิงซื่อ” จางหงจุนพูดอย่างแน่วแน่
"พ่อ ยังไงกัน คนของหนิงซื่อไม่มาแล้วเหรอ?" จางเทียนไห่ก็ถามขึ้น เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ทำไมเลขาอู๋ของหนิงซื่อถึงเรียกเขาไปที่นั่น แม้ว่าเขาจะเป็นผู้จัดการสาขาของ Zhang Group ก็ตาม
"ตงไห่ หนิงซื่อ กรุ๊ป พวกเขาใหญ่โตมากเลยหรือ? ถึงได้ให้คนสองร้อยคนจากตระกูลจางของเรา รอแค่เลขาคนหนึ่ง?" จางเทียนไห่พูดด้วยความไม่พอใจ
"ไอ่คนโง่ หุบปากเลย!" จางหงซวนดุใส่ "แกรู้อะไร แกรู้หรือไม่ว่าคำว่าหนิงซื่อสองคำนี้หมายถึงอะไร วันๆ มีแต่สร้างปัญหาให้ทั่ว ยังไม่รู้เลยว่า ครั้งนี้เป็นเพราะแกเป็นต้นเหตุหายนะของเรื่องนี้หรือเปล่า!”
บรรยากาศในห้องกลับเข้าสู่ความหดหู่อีกครั้ง จิตใจของคนเหล่านั้นต่างก็ทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก
แม้ว่าเครื่องปรับอากาศในห้องประชุมจะเพียงพอ แต่ผู้จัดการและผู้ถือหุ้นหลายคนก็เหงื่อแตกไปตามๆ กัน
ในเวลานี้ ที่ด้านนอกห้องประชุม ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับทีมธุรกิจและทนายความสองคนอย่างรีบร้อน
"ทุกท่านครับ ผมขอแนะนำตัวเองก่อน ผมอู๋หยางผู้รับผิดชอบการซื้อบริษัท Zhang Group ของหนิงซื่อ" เลขาอู๋กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“ในขณะเดียวกัน ผมก็เป็นผู้รักษาการประธานคนใหม่ของ Zhang's Jewelry Group ซึ่งเป็นตัวแทนของท่านประธานบริหารหนิง จะรับผิดชอบกิจการทั้งหมดของ Zhang's Jewelry Group”
ระหว่างพูด เลขาอู๋ก็ดึงที่นั่งที่เป็นของท่านประธานออกมา และก็นั่งลง
ตำแหน่งท่านประธานผู้บริหารว่างลง นับตั้งแต่หลังการเสียชีวิตของนายท่านจาง แม้แต่ลูกคนโตและคนที่สาม ที่มีอำนาจในตระกูลจาง ก็ยังได้รับการยกย่องให้เป็นแค่กรรมการบริหาร
"นี่!"
ใบหน้าของคนตระกูลจางในห้องประชุม ต่างดูแย่มาก
อย่างไรก็ตามพวกเขาต่างกลัวความยิ่งใหญ่ของ ตงไห่ หนิงซื่อ กรุ๊ป ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ส่วนตัวของพวกเขาเอง พวกเขาจึงไม่กล้าพูดคัดค้านแต่อย่างใด
เลขาอู๋ยิ้มจางๆ มองไปที่สีหน้าของทุกคนในตระกูลจางและพูดว่า "พวกคุณอาจยังไม่เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้ใช่ไหมครับ"
"ตอนนี้ผมมีสัดส่วนการถือหุ้น 55% ใน Zhang's Jewelry Group นอกจากนี้ผมยังมีโรงงานจิวเวลรี่ 20แห่ง และสาขาร้านค้าอีก 30แห่งภายใต้สิทธิของเจ้าหนี้ของกรุ๊ป"
“ผมคิดว่า ผมนั่งตำแหน่งประธานผู้บริหาร คงไม่มีใครต่อต้านใช่ไหมครับ?”
คำพูดของเลขาอู๋ดังลั่น ทุกคนได้แต่เงียบกัน
"นี่คือเอกสารเกี่ยวกับแผนการซื้อบริษัท ทุกท่านลองดูให้ชัดเจนด้วยนะครับ"
ระหว่างพูด เลขาอู๋ ขอให้ผู้ติดตามทีมแจกจ่ายเอกสารให้กับผู้ถือหุ้นที่มาร่วมประชุม
ผู้ถือหุ้นทุกคนในที่นี้ต่างมีท่าทีที่เคร่งเครียด ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่
"ใครคือ จางเทียนไห่ ครับ" ทันใดนั้นเลขาอู๋ก็ถามขึ้นมา
"ผมครับ ไม่ทราบว่าท่านประธานอู๋ หาผมมีเรื่องอะไรครับ?" จางเซียนไห่พูดอย่างประจบ
“ตำแหน่งนายคืออะไร มีสิทธิอะไรมาพูดที่นี่” เลขาอู๋มองไปที่จางเซียนไห่อย่างเย็นชาและโยนตราประทับใส่เขา
ปัง
ตราประทับพุ่งตรงหน้าท้องของจางเทียนไห่พอดี เหมือนเขาจะถูกตีด้วยค้อนอย่างแรง ท้องของเขาจุก และได้อาเจียนของเหลวสกปรกบนโต๊ะประชุม
จางเทียนไห่รู้สึกขุ่นเคือง เขารู้สึกเสียความรู้สึกและอับอายอย่างมาก สายตาที่โกรธแค้นจ้องมองไปที่เลขาอู๋ แต่เขาไม่กล้าที่จะโต้แย้งอะไรทั้งสิ้น
เขาไม่เข้าใจ ว่าทำไมเลขาอู๋ของหนิงซื่อคนนี้ มาถึงมีเป้าหมายในตัวเขาโดยไม่มีเหตุผล!
"ทุกท่าน เดิมทีผมอยากคุยธุรกิจ แต่ดูเหมือนว่าจะต้องทำความสะอาดสถานที่นี้ก่อน" เลขาอู๋พูด
“ได้ครับ ท่านประธานอู๋ ผมจะให้คนจัดการทำความสะอาดสถานที่เดี๋ยวนี้” จางหงซวนพูดด้วยสีหน้าประจบ
แม้ว่าเขาอยากจะช่วยลูกชายขนาดไหน แต่เขาก็รู้ว่าสถานการณ์สำคัญกว่าคน และเขาก็เรียนรู้ที่จะก้มหัวได้อย่างรวดเร็ว
"หึ" เลขาอู๋หัวเราะ "บริษัทควรมีกฎ ใครเป็นคนทำ คนนั้นต้องรับผิดชอบ"
จางหงซนยิ้มอย่างฝืนๆ จากนั้นหันกลับไปต่อว่าจางเทียนไห่ "ลูกทรพี ยังกล้าที่จะสร้างปัญหาต่อหน้าท่านประธานอู๋ ยังไม่รีบทำความสะอาดที่นี้เดี๋ยวนี้ ทำให้ฉันอับอายสิ้นดี!"
"ยังจะให้ผมเน้นอีกครั้งหรือ?" เลขาอู๋พูด และมองไปที่จางหงซวนด้วยสายตาที่เฉียบคม "อาเจียนออกมาได้ยังไง ก็เอากลับไปอย่างนั้น ผมต้องการให้เขาเลียโต๊ะให้สะอาด และกินมันกลับไป!"
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.readmeapps.com All rights reserved