บทที่ 934 ดินแดนแห่งความเป็นอมตะปรากฎ
by อาห่าว
08:01,Mar 30,2021
กึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะทั้งสี่ร่วมมือกันพลังออร่านี้สั่นสะเทือนไปทั้งฟ้าและดินเลย
ภายในแววตาของเสี่ยวเสวี่ยที่ยืนอยู่ไม่ไกลก็มีความตึงเครียดเกิดขึ้นเล็กน้อยเช่นกันก่อนจะค่อยๆปากพูดขึ้นมา:"น้าฉินคะน้าคิดว่าหลินหยินจะชนะได้ไหมคะ?"
"ฉันไม่รู้!"ทั้งๆที่ด้านหลังของเสี่ยวเสวี่ยไม่มีคนเลยแต่กลับมีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้น"ถ้าเป็นฉันตอนที่อยู่ในระดับกึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะฉันไม่สามารถต้านทานพลังที่ร่วมมือกันของทั้งสี่คนนั้นได้แน่นอน"
"งั้นถ้าเกิดหลินหยินมีภัยอันตรายน้าฉินสามารถช่วยเขาไว้ได้ไหมคะ?"เสี่ยวเสวี่ยถามเสียงเบา
"ได้!"
เมื่อได้ยินน้าฉินพูดแบบนี้เสี่ยวเสวี่ยก็ได้ถอนหายใจโล่งอกเช่นกันหลินหยินนี่น่าสนใจกว่าพวกคนในตระกูลมากๆเลยเธอยังไม่อยากให้หลินหยินตายอยู่ที่นี่
"เก่งกาจเกินไปแล้วๆ!ไอ้หมอนั่นตายแน่!"
มีเหล่ายอดฝีมือหลังจากที่วิ่งออกไปได้แล้วได้ส่ายหน้าไปมาพลางพูด
เมื่อเผชิญหน้ากับการรุมโจมตีของยอดฝีมือทั้งสี่สีหน้าของหลินหยินไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆเลยเขาประสานนิ้วให้กลายเป็นดาบพลังพิศวงที่ฮึกเหิมกลายเป็นลมปราณดาบก่อนจะรวมตัวกันกลายเป็นหยกสีขาวยังไงอย่างงั้นใสบริสุทธิ์ก่อนจะกลายเป็นแก่นแท้ฟาดฟันลงไปบนปราณดาบที่ฟางเปียวปลดปล่อยออกมา
"ปัง!"
ปราณดายของฟางเปียวแตกสลายกลายเป็นฝุ่นผงภายในพริบตาแต่พลังปราณดาบของหลินหยินกลับไม่ลดน้อยลงเลยพุ่งตรงเข้าไปในทิศทางของฟางเปียวอย่างกระทันหัน
"ทักษะวิชาในการใช้ดาบไม่ชำนาญแม้พลังพิศวงจะมากแค่ไหนแต่จะทำอะไรได้!"
หลินหยินพูดอย่างดูหมิ่น
ตอนแรกเมื่อเผชิญหน้ากับพลังการโจมตีทั้งหมดของฟางเปียวก่อนที่หลินหยินยังไม่บรรลุก้าวขึ้นถึงดินแดนแห่งความเป็นอมตะคงจะรับพลังปราณดาบนี้ไว้ได้ยากแต่ตั้งแต่ที่ตัวเองก้าวขึ้นกึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะพลังพิศวงภายในร่างกายของเขาเพิ่มขึ้นเยอะมากอีกอย่างประสิทธิภาพของพระคัมภีร์นั่งลืมก็ดีขึ้นมากๆด้วยเช่นกัน
เมื่อก่อนพระคัมภีร์นั่งลืมของเขาแค่สามารถช่วยให้เขาเห็นจุดบกพร่องเล็กๆน้อยๆแต่พระคัมภีร์นั่งลืมของเขาในตอนนี้สามารถทำให้เขาเห็นจุดอ่อนที่สุดบนกระบวนท่าของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างชัดเจนเลยและโต้กลับได้แรงมากยิ่งขึ้น
อีกอย่างเขารู้สึกว่าตอนนี้เขายังไม่ได้ใช้พลังความสามารถทั้งหมดของพระคัมภีร์นั่งลืมและคัมภีร์มังกรขั้นสูงสุดเลยบางทีอาจจะต้องรอถึงหลังจากที่เขาก้าวขึ้นขั้นดินแดนแห่งความเป็นอมตะแล้วถึงจะสามารถปลดปล่อยพลังที่แท้จริงทั้งหมดออกมาได้
ร่างกายของฟางเปียวถอยกลับไปอย่างแรงก่อนจะกระอักเลือดออกมาอย่างเจ็บปวด
ตั้งแต่ที่เขาต่อสู้มายังไม่เคยรู้สึกเจ็บปวดทรมานขนาดนี้มาก่อนเลยตอนแรกเขารู้สึกมั่นใจต่อกระบวนท่าที่เขาใช้มากๆแต่กลับถูกหลินหยินโต้กลับมาได้อย่างง่ายดายขนาดนี้เลย
หลังจากที่ใช้กระบวนท่าดาบทำให้ฟางเปียวถอยกลับไปแล้วเขาประสานนิ้วให้กลายเป็นดาวก่อนจะแทงตรงเข้าไปหาไฉยิ่งที่กำลังพุ่งตรงมาหาเขา
"ไอ้หมอนั่นไม่ค่อยฉลาดนะ!"
ด้านหลังของเสี่ยวเสวี่ยมีเสียงของน้าฉินดังขึ้น
"ใช่ไงคะ!"
นัยตาของเสี่ยวเสวี่ยมีรังสีความสงสัยเกิดขึ้นเช่นกันกระบวนท่าในเมื่อกี้ของหลินหยินทำให้พวกเขารู้สึกเซอร์ไพรส์มากแต่คิดไม่ถึงเลยว่าวินาทีต่อไปหลินหยินจะตรงเข้าไปหาไฉยิ่งเอง
ในสายตาของคนภายนอกไฉยิ่งน่าจะเป็นคนที่จัดการยากที่สุดในบรรดาทั้งสี่คนนี้แล้ววิธีการจัดการที่ดีที่สุดก็คือกำจัดคนอื่นก่อนจากนั้นค่อยไปจัดการไฉยิ่งอีกทีไม่งั้นทันทีที่ถูกไฉยิ่งเข้ามาพัวพันด้วยเกราะป้องกันที่น่าขนลุกและถูกอีกสามคนที่เหลือรุมโจมตีอีกทีก็จะหาโอกาสในการพลิกผันสถานการณ์ได้ยากแล้ว
ไฉยิ่งพุ่งกระโจนตรงเข้ามาหาหลินหยินแววตาเต็มไปด้วยความสุขเขาฝึกฝนวิชาศักยภาพทางร่างกายทักษะวิชาของร่างกายไม่ค่อยเก่งกาจมากนักสิ่งที่กลัวที่สุดคือคนอื่นเข้ามาถ่วงเวลาเขาและไม่ต่อสู้กับเขาแต่คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กน้อยตรงหน้านี้จะไม่ชาญฉลาดขนาดนี้
เมื่อเห็นว่าหลินหยินยิ่งอยู่ยิ่งใกล้เข้ามาไฉยิ่งกำหมัดแน่นทั้งสองข้างก่อนจะชกเข้าใส่หลินหยินอย่างกระทันหัน
พลังของหมัดนี้รุนแรงมากๆถึงแม้ว่าจะเป็นยอดฝีมือที่ฝึกฝนศักยภาพทางร่างกายโดยเฉพาะเมื่อถูกชกด้วยหมัดนี้ถ้าไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัส
แต่หลินหยินแค่บิดตัวหลบอย่างเบาสบายก็หลบหมัดนี้ของไฉยิ่งได้แล้วก่อนจะจิ้มนิ้วออกไป
"ปังปังปังปังปังปังปัง!"
ร่างกายของไฉยิ่งบินลอยออกไปบนใบหน้ามีรังสีแห่งความไม่คาดคิดก่อนจะร่วงลงไปกับพื้นอย่างเต็มแรง
"อั่ก!"
ไฉยิ่งกระอักเลือดสดออกมาทีนึงลมหายใจแผ่วเบาลงไป
และในตอนนี้เองฉีเจื๋อไจของถันคังก็มาถึงแล้วเช่นกันหลินหยินเบ่งลมราณประสานกายออกมาปราณดาบทั้งเจ็ดฟาดฟันอยู่บนลมปราณประสานกายหลินหยินถูกฉีเจื๋อไจโจมตีจนถอยบินออกไปไกลสิบกว่าเมตรและคนเข้ากับต้นไม้ต้นหนึ่งอย่างจัง
สุดท้ายเมื่อเผชิญหน้ากับคลื่นเสียงที่ตรงเข้ามาในทุกทิศทุกทางหลินหยินฝึกหายใจเข้าทางปากอย่างกระทันหัน
"อ๊าก!"
เห็นได้ด้วยตาเปล่าเลยว่าคลื่นเสียงที่เหมือนแก่นแท้พ้นออกมาจากปากหลินหยินพุ่งกวาดออกไปท่ามกลางอากาศที่ว่างเปล่าสั่นสะเทือนจนทำให้ก้อนเมฆที่อยู่บนป่าเขาแตกแยกออกจากกันเสียงดังดั่งท้องฟ้าคำรามดังสนั่นไปไกลหลายไมล์ผู้คนที่ยืนดูการต่อสู้อยู่จากที่ไกลยิ่งรู้สึกว่าเหมือนกำลังมีพายุลูกใหญ่ซัดเข้ามาโบกพัดจนต้นไม้ใหญ่ที่สูงสิบกว่าเมตรสั่นเครือไปมา
"โครมแกร็ก!"
คลื่นเสียงรูปคันธนูจำนวนมากถูกเสียงฟ้าคำรามของหลินหยินสั่นสะเทือนจนกลายเป็นฝุ่นผง
"นี่มันเป็นไปได้ยังไง!"
ข้างหูของเสี่ยวเสวี่ยเสียงของน้าฉินดังขึ้นน้าฉินในตอนนี้ก็เริ่มไม่แน่วแน่แล้ว
"น่าเหลือเชื่อจริงๆ!"
เสี่ยวเสวี่ยก็ได้พูดเสียงเบาเช่นกัน
"เมื่อกี้ดูเหมือนว่าหลินหยินจะใช้นิ้วเดียวทำลายเกราะทองของไฉยิ่งได้แต่ความเป็นจริงแล้วเมื่อกี้หลินหยินได้ใช้ไปทั้งหมดเจ็ดนิ้วติดต่อกันได้โจมตีไปทุกบริเวณที่ไฉยิ่งเคยได้รับบาดเจ็บทั้งเจ็ดครั้งเลย!"
น้าฉินพูดด้วยน้ำเสียงที่ตะลึงและหวาดกลัว:"เขารู้ได้ยังไงว่าไฉยิ่งเคยได้รับบาดเจ็บที่อกข้างซ้าย?"
ถ้าเกิดเปลี่ยนเป็นเขาที่ต้องเผชิญหน้ากับไฉยิ่งถึงแม้จะสามารถกดดันได้เช่นกันแต่ไม่สามารถชิลล์สบายเหมือนหลินหยินแน่นอนอีกอย่างหลินหยินเป็นแค่กึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะคนเดียวเท่านั้น
"พลังคลื่นเสียงนี้ของแกมีส่วนที่สมควรแก่การศึกษาอยู่นะ!"
หลินหยินปัดฝุ่นบนเสื้อผ้าตัวเองเบาๆมองดูบรรพบุรุษตระกูลเกาที่ไม่มีกลิ่นอายความเก่าแก่ที่บริสุทธิ์แล้วพลางพูดเสียงต่ำ
คนที่ยืนดูการต่อสู้ต่างช็อคจนเบิกตากว้างและอ้าปากค้าง
เมื่อกี้หลินหยินรับฉีเจื๋อไจของถันคังแบบตรงๆเลยจากนั้นภายใต้หนึ่งปราณดาบหนึ่งนิ้วหนึ่งคำรามกลับทำลายการรุมโจมตีของทั้งสี่ได้เลยงั้นหรอและยังได้โจมตีครั้งเดียวจนทำให้ไฉยิ่งที่จัดการย่างได้รับบาดเจ็บสาหัสจนสูญเสียพลังในการต่อสู้ไปเลยด้วย
ตอนนี้ยอดฝีมือกึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะเหลืออยู่แค่สามคนแล้วอีกอย่างดูจากสภาพแล้วทั้งสามคนก็รู้สึกตะลึงกับพลังความสามารถในการต่อสู้ของเด็กหนุ่มตรงหน้านี้เช่นกันไม่มีความสูงส่งและภาคภูมิใจเหมือนเมื่อกี้แล้ว
"ซีด!"
ทุกคนต่างตกใจกับพลังในการต่อสู้ของหลินหยินจนต้องสูดหายใจเข้าทางปากทีนึง
"หรือว่าพ่อหนุ่มคนนี้เป็นคนในตระกูลพวกนั้น?ไม่งั้นทำไมพลังความสามารถันคังึงได้เก่งกาจได้ถึงขนาดนี้!"
"ต้องใช่แน่นอนมีแต่คนในแปดเชื้อสายพระราชวงศ์และสี่เชื้อสายราชาเท่านั้นแหละที่จะมีคนหนุ่มสาวที่มีความสามารถเก่งกาจขนาดนี้ได้"
ภายในเวลาชั่วขณะสายตาของทุกคนที่มองไปทางหลินหยินก็ได้เปลี่ยนไปหมดเลย
ถ้าเกิดหลินหยินเป็นคนในตระกูลเหล่านั้นจริงๆการที่บรรพบุรุษตระกูลเกาและคนอื่นๆรุมโจมตีเขาในวันนี้คาดว่าต้องซวยแล้วแน่ๆ
บรรพบุรุษตระกูลเกาและคนอื่นๆก็ขนหัวลุกเช่นกันตอนแรกก็คิดว่าเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านี้เป็นแค่อัจฉริยะที่พอมีความสามารถเท่านั้นแหละแต่ดูจากตอนนี้แล้วเหมือนจะเป็นกระดูกแข็งชิ้นนึงเลย
"พ่อหนุ่มพลังความสามารถของแกเก่งกาจจริงๆแต่ว่าพวกเรามีชื่อเสียงเลื่องลือมาช้านานใช่ว่าจะไม่มีไพ่เด็ดเหมือนกันขอแค่แกสาบานว่าจะไม่มาหาเรื่องพวกเราอีกข้อตกลงก่อนหน้านี้ของเราก็ยังคงมีผลอยู่!"สีหน้าของถันคังหม่นหมองมากพลางพูดเสียงต่ำ
หลินหยินหัวเราะอย่างดูถูกเมื่อกี้ยังมองว่าเขาเป็นมดตัวน้อยตัวนึงอยู่เลยตอนนี้อยากหยุดการต่อสู้มันสายไปแล้ว!
"ลงมือโจมตีพร้อมกันอย่าออมมือ!"
บรรพบุรุษตระกูลเกาตะคอกเสียงต่ำทีนึงพลังคลื่นเสียงที่ออกมาจากปากก็ยิ่งรนเมื่อเข้าไปใหญ่
รอบกายของฟางเปียวและถันคังก็มีพลังพิศวงเคลื่อนไหวไปมาเช่นกันพลางจ้องมองหลินหยินด้วยสายตาที่เคร่งเครียด
หลินหยินยิ้มกริ่มกำลังจะลงมือโจมตี
ทันใดนั้นเองเขาก็ได้ขมวดคิ้วลงจ้องมองไปทางทิศใต้
"มียอดฝีมือจากทิศใต้มาถึงแล้ว!"
ข้างหูของเสี่ยวเสวี่ยมีเสียงของน้าฉินดังขึ้น
ทันทีที่พูดจบเงาร่างชุดกี่เพ้าสีแดงก็ได้พุ่งเข้ามาอย่างกระทันหันในมือมีร่างของคนสองคนอีกด้วย
"เพี๊ยะ!"
ทั้งสองคนถูกเขาฟาดลงไปกับพื้นอย่างแรงซึ่งสองคนดังกล่าวก็คือหลิงจ้านและหลิงซานที่หลินหยินให้พวกเขารออยู่ด้านนอกป่าเขานั่นเอง
นักสู้ชุดกี่เพ้าสีแดงกวาดตามองนักสู้ที่อยู่รอบๆอย่างเยือกเย็นก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา:"หลินหยินคือใครออกมาเผชิญหน้ากับความตายซะ!"
บนใบหน้าของลิงจ้านและหลิงซานมีรังสีแห่งความรู้สึกผิดเกิดขึ้นเห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาเป็นคนปล่อยข่าวของหลินหยินออกไป
ภายในแววตาของเสี่ยวเสวี่ยที่ยืนอยู่ไม่ไกลก็มีความตึงเครียดเกิดขึ้นเล็กน้อยเช่นกันก่อนจะค่อยๆปากพูดขึ้นมา:"น้าฉินคะน้าคิดว่าหลินหยินจะชนะได้ไหมคะ?"
"ฉันไม่รู้!"ทั้งๆที่ด้านหลังของเสี่ยวเสวี่ยไม่มีคนเลยแต่กลับมีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้น"ถ้าเป็นฉันตอนที่อยู่ในระดับกึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะฉันไม่สามารถต้านทานพลังที่ร่วมมือกันของทั้งสี่คนนั้นได้แน่นอน"
"งั้นถ้าเกิดหลินหยินมีภัยอันตรายน้าฉินสามารถช่วยเขาไว้ได้ไหมคะ?"เสี่ยวเสวี่ยถามเสียงเบา
"ได้!"
เมื่อได้ยินน้าฉินพูดแบบนี้เสี่ยวเสวี่ยก็ได้ถอนหายใจโล่งอกเช่นกันหลินหยินนี่น่าสนใจกว่าพวกคนในตระกูลมากๆเลยเธอยังไม่อยากให้หลินหยินตายอยู่ที่นี่
"เก่งกาจเกินไปแล้วๆ!ไอ้หมอนั่นตายแน่!"
มีเหล่ายอดฝีมือหลังจากที่วิ่งออกไปได้แล้วได้ส่ายหน้าไปมาพลางพูด
เมื่อเผชิญหน้ากับการรุมโจมตีของยอดฝีมือทั้งสี่สีหน้าของหลินหยินไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆเลยเขาประสานนิ้วให้กลายเป็นดาบพลังพิศวงที่ฮึกเหิมกลายเป็นลมปราณดาบก่อนจะรวมตัวกันกลายเป็นหยกสีขาวยังไงอย่างงั้นใสบริสุทธิ์ก่อนจะกลายเป็นแก่นแท้ฟาดฟันลงไปบนปราณดาบที่ฟางเปียวปลดปล่อยออกมา
"ปัง!"
ปราณดายของฟางเปียวแตกสลายกลายเป็นฝุ่นผงภายในพริบตาแต่พลังปราณดาบของหลินหยินกลับไม่ลดน้อยลงเลยพุ่งตรงเข้าไปในทิศทางของฟางเปียวอย่างกระทันหัน
"ทักษะวิชาในการใช้ดาบไม่ชำนาญแม้พลังพิศวงจะมากแค่ไหนแต่จะทำอะไรได้!"
หลินหยินพูดอย่างดูหมิ่น
ตอนแรกเมื่อเผชิญหน้ากับพลังการโจมตีทั้งหมดของฟางเปียวก่อนที่หลินหยินยังไม่บรรลุก้าวขึ้นถึงดินแดนแห่งความเป็นอมตะคงจะรับพลังปราณดาบนี้ไว้ได้ยากแต่ตั้งแต่ที่ตัวเองก้าวขึ้นกึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะพลังพิศวงภายในร่างกายของเขาเพิ่มขึ้นเยอะมากอีกอย่างประสิทธิภาพของพระคัมภีร์นั่งลืมก็ดีขึ้นมากๆด้วยเช่นกัน
เมื่อก่อนพระคัมภีร์นั่งลืมของเขาแค่สามารถช่วยให้เขาเห็นจุดบกพร่องเล็กๆน้อยๆแต่พระคัมภีร์นั่งลืมของเขาในตอนนี้สามารถทำให้เขาเห็นจุดอ่อนที่สุดบนกระบวนท่าของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างชัดเจนเลยและโต้กลับได้แรงมากยิ่งขึ้น
อีกอย่างเขารู้สึกว่าตอนนี้เขายังไม่ได้ใช้พลังความสามารถทั้งหมดของพระคัมภีร์นั่งลืมและคัมภีร์มังกรขั้นสูงสุดเลยบางทีอาจจะต้องรอถึงหลังจากที่เขาก้าวขึ้นขั้นดินแดนแห่งความเป็นอมตะแล้วถึงจะสามารถปลดปล่อยพลังที่แท้จริงทั้งหมดออกมาได้
ร่างกายของฟางเปียวถอยกลับไปอย่างแรงก่อนจะกระอักเลือดออกมาอย่างเจ็บปวด
ตั้งแต่ที่เขาต่อสู้มายังไม่เคยรู้สึกเจ็บปวดทรมานขนาดนี้มาก่อนเลยตอนแรกเขารู้สึกมั่นใจต่อกระบวนท่าที่เขาใช้มากๆแต่กลับถูกหลินหยินโต้กลับมาได้อย่างง่ายดายขนาดนี้เลย
หลังจากที่ใช้กระบวนท่าดาบทำให้ฟางเปียวถอยกลับไปแล้วเขาประสานนิ้วให้กลายเป็นดาวก่อนจะแทงตรงเข้าไปหาไฉยิ่งที่กำลังพุ่งตรงมาหาเขา
"ไอ้หมอนั่นไม่ค่อยฉลาดนะ!"
ด้านหลังของเสี่ยวเสวี่ยมีเสียงของน้าฉินดังขึ้น
"ใช่ไงคะ!"
นัยตาของเสี่ยวเสวี่ยมีรังสีความสงสัยเกิดขึ้นเช่นกันกระบวนท่าในเมื่อกี้ของหลินหยินทำให้พวกเขารู้สึกเซอร์ไพรส์มากแต่คิดไม่ถึงเลยว่าวินาทีต่อไปหลินหยินจะตรงเข้าไปหาไฉยิ่งเอง
ในสายตาของคนภายนอกไฉยิ่งน่าจะเป็นคนที่จัดการยากที่สุดในบรรดาทั้งสี่คนนี้แล้ววิธีการจัดการที่ดีที่สุดก็คือกำจัดคนอื่นก่อนจากนั้นค่อยไปจัดการไฉยิ่งอีกทีไม่งั้นทันทีที่ถูกไฉยิ่งเข้ามาพัวพันด้วยเกราะป้องกันที่น่าขนลุกและถูกอีกสามคนที่เหลือรุมโจมตีอีกทีก็จะหาโอกาสในการพลิกผันสถานการณ์ได้ยากแล้ว
ไฉยิ่งพุ่งกระโจนตรงเข้ามาหาหลินหยินแววตาเต็มไปด้วยความสุขเขาฝึกฝนวิชาศักยภาพทางร่างกายทักษะวิชาของร่างกายไม่ค่อยเก่งกาจมากนักสิ่งที่กลัวที่สุดคือคนอื่นเข้ามาถ่วงเวลาเขาและไม่ต่อสู้กับเขาแต่คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กน้อยตรงหน้านี้จะไม่ชาญฉลาดขนาดนี้
เมื่อเห็นว่าหลินหยินยิ่งอยู่ยิ่งใกล้เข้ามาไฉยิ่งกำหมัดแน่นทั้งสองข้างก่อนจะชกเข้าใส่หลินหยินอย่างกระทันหัน
พลังของหมัดนี้รุนแรงมากๆถึงแม้ว่าจะเป็นยอดฝีมือที่ฝึกฝนศักยภาพทางร่างกายโดยเฉพาะเมื่อถูกชกด้วยหมัดนี้ถ้าไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัส
แต่หลินหยินแค่บิดตัวหลบอย่างเบาสบายก็หลบหมัดนี้ของไฉยิ่งได้แล้วก่อนจะจิ้มนิ้วออกไป
"ปังปังปังปังปังปังปัง!"
ร่างกายของไฉยิ่งบินลอยออกไปบนใบหน้ามีรังสีแห่งความไม่คาดคิดก่อนจะร่วงลงไปกับพื้นอย่างเต็มแรง
"อั่ก!"
ไฉยิ่งกระอักเลือดสดออกมาทีนึงลมหายใจแผ่วเบาลงไป
และในตอนนี้เองฉีเจื๋อไจของถันคังก็มาถึงแล้วเช่นกันหลินหยินเบ่งลมราณประสานกายออกมาปราณดาบทั้งเจ็ดฟาดฟันอยู่บนลมปราณประสานกายหลินหยินถูกฉีเจื๋อไจโจมตีจนถอยบินออกไปไกลสิบกว่าเมตรและคนเข้ากับต้นไม้ต้นหนึ่งอย่างจัง
สุดท้ายเมื่อเผชิญหน้ากับคลื่นเสียงที่ตรงเข้ามาในทุกทิศทุกทางหลินหยินฝึกหายใจเข้าทางปากอย่างกระทันหัน
"อ๊าก!"
เห็นได้ด้วยตาเปล่าเลยว่าคลื่นเสียงที่เหมือนแก่นแท้พ้นออกมาจากปากหลินหยินพุ่งกวาดออกไปท่ามกลางอากาศที่ว่างเปล่าสั่นสะเทือนจนทำให้ก้อนเมฆที่อยู่บนป่าเขาแตกแยกออกจากกันเสียงดังดั่งท้องฟ้าคำรามดังสนั่นไปไกลหลายไมล์ผู้คนที่ยืนดูการต่อสู้อยู่จากที่ไกลยิ่งรู้สึกว่าเหมือนกำลังมีพายุลูกใหญ่ซัดเข้ามาโบกพัดจนต้นไม้ใหญ่ที่สูงสิบกว่าเมตรสั่นเครือไปมา
"โครมแกร็ก!"
คลื่นเสียงรูปคันธนูจำนวนมากถูกเสียงฟ้าคำรามของหลินหยินสั่นสะเทือนจนกลายเป็นฝุ่นผง
"นี่มันเป็นไปได้ยังไง!"
ข้างหูของเสี่ยวเสวี่ยเสียงของน้าฉินดังขึ้นน้าฉินในตอนนี้ก็เริ่มไม่แน่วแน่แล้ว
"น่าเหลือเชื่อจริงๆ!"
เสี่ยวเสวี่ยก็ได้พูดเสียงเบาเช่นกัน
"เมื่อกี้ดูเหมือนว่าหลินหยินจะใช้นิ้วเดียวทำลายเกราะทองของไฉยิ่งได้แต่ความเป็นจริงแล้วเมื่อกี้หลินหยินได้ใช้ไปทั้งหมดเจ็ดนิ้วติดต่อกันได้โจมตีไปทุกบริเวณที่ไฉยิ่งเคยได้รับบาดเจ็บทั้งเจ็ดครั้งเลย!"
น้าฉินพูดด้วยน้ำเสียงที่ตะลึงและหวาดกลัว:"เขารู้ได้ยังไงว่าไฉยิ่งเคยได้รับบาดเจ็บที่อกข้างซ้าย?"
ถ้าเกิดเปลี่ยนเป็นเขาที่ต้องเผชิญหน้ากับไฉยิ่งถึงแม้จะสามารถกดดันได้เช่นกันแต่ไม่สามารถชิลล์สบายเหมือนหลินหยินแน่นอนอีกอย่างหลินหยินเป็นแค่กึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะคนเดียวเท่านั้น
"พลังคลื่นเสียงนี้ของแกมีส่วนที่สมควรแก่การศึกษาอยู่นะ!"
หลินหยินปัดฝุ่นบนเสื้อผ้าตัวเองเบาๆมองดูบรรพบุรุษตระกูลเกาที่ไม่มีกลิ่นอายความเก่าแก่ที่บริสุทธิ์แล้วพลางพูดเสียงต่ำ
คนที่ยืนดูการต่อสู้ต่างช็อคจนเบิกตากว้างและอ้าปากค้าง
เมื่อกี้หลินหยินรับฉีเจื๋อไจของถันคังแบบตรงๆเลยจากนั้นภายใต้หนึ่งปราณดาบหนึ่งนิ้วหนึ่งคำรามกลับทำลายการรุมโจมตีของทั้งสี่ได้เลยงั้นหรอและยังได้โจมตีครั้งเดียวจนทำให้ไฉยิ่งที่จัดการย่างได้รับบาดเจ็บสาหัสจนสูญเสียพลังในการต่อสู้ไปเลยด้วย
ตอนนี้ยอดฝีมือกึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะเหลืออยู่แค่สามคนแล้วอีกอย่างดูจากสภาพแล้วทั้งสามคนก็รู้สึกตะลึงกับพลังความสามารถในการต่อสู้ของเด็กหนุ่มตรงหน้านี้เช่นกันไม่มีความสูงส่งและภาคภูมิใจเหมือนเมื่อกี้แล้ว
"ซีด!"
ทุกคนต่างตกใจกับพลังในการต่อสู้ของหลินหยินจนต้องสูดหายใจเข้าทางปากทีนึง
"หรือว่าพ่อหนุ่มคนนี้เป็นคนในตระกูลพวกนั้น?ไม่งั้นทำไมพลังความสามารถันคังึงได้เก่งกาจได้ถึงขนาดนี้!"
"ต้องใช่แน่นอนมีแต่คนในแปดเชื้อสายพระราชวงศ์และสี่เชื้อสายราชาเท่านั้นแหละที่จะมีคนหนุ่มสาวที่มีความสามารถเก่งกาจขนาดนี้ได้"
ภายในเวลาชั่วขณะสายตาของทุกคนที่มองไปทางหลินหยินก็ได้เปลี่ยนไปหมดเลย
ถ้าเกิดหลินหยินเป็นคนในตระกูลเหล่านั้นจริงๆการที่บรรพบุรุษตระกูลเกาและคนอื่นๆรุมโจมตีเขาในวันนี้คาดว่าต้องซวยแล้วแน่ๆ
บรรพบุรุษตระกูลเกาและคนอื่นๆก็ขนหัวลุกเช่นกันตอนแรกก็คิดว่าเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านี้เป็นแค่อัจฉริยะที่พอมีความสามารถเท่านั้นแหละแต่ดูจากตอนนี้แล้วเหมือนจะเป็นกระดูกแข็งชิ้นนึงเลย
"พ่อหนุ่มพลังความสามารถของแกเก่งกาจจริงๆแต่ว่าพวกเรามีชื่อเสียงเลื่องลือมาช้านานใช่ว่าจะไม่มีไพ่เด็ดเหมือนกันขอแค่แกสาบานว่าจะไม่มาหาเรื่องพวกเราอีกข้อตกลงก่อนหน้านี้ของเราก็ยังคงมีผลอยู่!"สีหน้าของถันคังหม่นหมองมากพลางพูดเสียงต่ำ
หลินหยินหัวเราะอย่างดูถูกเมื่อกี้ยังมองว่าเขาเป็นมดตัวน้อยตัวนึงอยู่เลยตอนนี้อยากหยุดการต่อสู้มันสายไปแล้ว!
"ลงมือโจมตีพร้อมกันอย่าออมมือ!"
บรรพบุรุษตระกูลเกาตะคอกเสียงต่ำทีนึงพลังคลื่นเสียงที่ออกมาจากปากก็ยิ่งรนเมื่อเข้าไปใหญ่
รอบกายของฟางเปียวและถันคังก็มีพลังพิศวงเคลื่อนไหวไปมาเช่นกันพลางจ้องมองหลินหยินด้วยสายตาที่เคร่งเครียด
หลินหยินยิ้มกริ่มกำลังจะลงมือโจมตี
ทันใดนั้นเองเขาก็ได้ขมวดคิ้วลงจ้องมองไปทางทิศใต้
"มียอดฝีมือจากทิศใต้มาถึงแล้ว!"
ข้างหูของเสี่ยวเสวี่ยมีเสียงของน้าฉินดังขึ้น
ทันทีที่พูดจบเงาร่างชุดกี่เพ้าสีแดงก็ได้พุ่งเข้ามาอย่างกระทันหันในมือมีร่างของคนสองคนอีกด้วย
"เพี๊ยะ!"
ทั้งสองคนถูกเขาฟาดลงไปกับพื้นอย่างแรงซึ่งสองคนดังกล่าวก็คือหลิงจ้านและหลิงซานที่หลินหยินให้พวกเขารออยู่ด้านนอกป่าเขานั่นเอง
นักสู้ชุดกี่เพ้าสีแดงกวาดตามองนักสู้ที่อยู่รอบๆอย่างเยือกเย็นก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา:"หลินหยินคือใครออกมาเผชิญหน้ากับความตายซะ!"
บนใบหน้าของลิงจ้านและหลิงซานมีรังสีแห่งความรู้สึกผิดเกิดขึ้นเห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาเป็นคนปล่อยข่าวของหลินหยินออกไป
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.readmeapps.com All rights reserved