บทที่ 934 ดินแดนแห่งความเป็นอมตะปรากฎ

by อาห่าว 08:01,Mar 30,2021
กึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะทั้งสี่ร่วมมือกันพลังออร่านี้สั่นสะเทือนไปทั้งฟ้าและดินเลย

ภายในแววตาของเสี่ยวเสวี่ยที่ยืนอยู่ไม่ไกลก็มีความตึงเครียดเกิดขึ้นเล็กน้อยเช่นกันก่อนจะค่อยๆปากพูดขึ้นมา:"น้าฉินคะน้าคิดว่าหลินหยินจะชนะได้ไหมคะ?"

"ฉันไม่รู้!"ทั้งๆที่ด้านหลังของเสี่ยวเสวี่ยไม่มีคนเลยแต่กลับมีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้น"ถ้าเป็นฉันตอนที่อยู่ในระดับกึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะฉันไม่สามารถต้านทานพลังที่ร่วมมือกันของทั้งสี่คนนั้นได้แน่นอน"

"งั้นถ้าเกิดหลินหยินมีภัยอันตรายน้าฉินสามารถช่วยเขาไว้ได้ไหมคะ?"เสี่ยวเสวี่ยถามเสียงเบา

"ได้!"

เมื่อได้ยินน้าฉินพูดแบบนี้เสี่ยวเสวี่ยก็ได้ถอนหายใจโล่งอกเช่นกันหลินหยินนี่น่าสนใจกว่าพวกคนในตระกูลมากๆเลยเธอยังไม่อยากให้หลินหยินตายอยู่ที่นี่

"เก่งกาจเกินไปแล้วๆ!ไอ้หมอนั่นตายแน่!"

มีเหล่ายอดฝีมือหลังจากที่วิ่งออกไปได้แล้วได้ส่ายหน้าไปมาพลางพูด

เมื่อเผชิญหน้ากับการรุมโจมตีของยอดฝีมือทั้งสี่สีหน้าของหลินหยินไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆเลยเขาประสานนิ้วให้กลายเป็นดาบพลังพิศวงที่ฮึกเหิมกลายเป็นลมปราณดาบก่อนจะรวมตัวกันกลายเป็นหยกสีขาวยังไงอย่างงั้นใสบริสุทธิ์ก่อนจะกลายเป็นแก่นแท้ฟาดฟันลงไปบนปราณดาบที่ฟางเปียวปลดปล่อยออกมา

"ปัง!"

ปราณดายของฟางเปียวแตกสลายกลายเป็นฝุ่นผงภายในพริบตาแต่พลังปราณดาบของหลินหยินกลับไม่ลดน้อยลงเลยพุ่งตรงเข้าไปในทิศทางของฟางเปียวอย่างกระทันหัน

"ทักษะวิชาในการใช้ดาบไม่ชำนาญแม้พลังพิศวงจะมากแค่ไหนแต่จะทำอะไรได้!"

หลินหยินพูดอย่างดูหมิ่น

ตอนแรกเมื่อเผชิญหน้ากับพลังการโจมตีทั้งหมดของฟางเปียวก่อนที่หลินหยินยังไม่บรรลุก้าวขึ้นถึงดินแดนแห่งความเป็นอมตะคงจะรับพลังปราณดาบนี้ไว้ได้ยากแต่ตั้งแต่ที่ตัวเองก้าวขึ้นกึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะพลังพิศวงภายในร่างกายของเขาเพิ่มขึ้นเยอะมากอีกอย่างประสิทธิภาพของพระคัมภีร์นั่งลืมก็ดีขึ้นมากๆด้วยเช่นกัน

เมื่อก่อนพระคัมภีร์นั่งลืมของเขาแค่สามารถช่วยให้เขาเห็นจุดบกพร่องเล็กๆน้อยๆแต่พระคัมภีร์นั่งลืมของเขาในตอนนี้สามารถทำให้เขาเห็นจุดอ่อนที่สุดบนกระบวนท่าของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างชัดเจนเลยและโต้กลับได้แรงมากยิ่งขึ้น

อีกอย่างเขารู้สึกว่าตอนนี้เขายังไม่ได้ใช้พลังความสามารถทั้งหมดของพระคัมภีร์นั่งลืมและคัมภีร์มังกรขั้นสูงสุดเลยบางทีอาจจะต้องรอถึงหลังจากที่เขาก้าวขึ้นขั้นดินแดนแห่งความเป็นอมตะแล้วถึงจะสามารถปลดปล่อยพลังที่แท้จริงทั้งหมดออกมาได้

ร่างกายของฟางเปียวถอยกลับไปอย่างแรงก่อนจะกระอักเลือดออกมาอย่างเจ็บปวด

ตั้งแต่ที่เขาต่อสู้มายังไม่เคยรู้สึกเจ็บปวดทรมานขนาดนี้มาก่อนเลยตอนแรกเขารู้สึกมั่นใจต่อกระบวนท่าที่เขาใช้มากๆแต่กลับถูกหลินหยินโต้กลับมาได้อย่างง่ายดายขนาดนี้เลย

หลังจากที่ใช้กระบวนท่าดาบทำให้ฟางเปียวถอยกลับไปแล้วเขาประสานนิ้วให้กลายเป็นดาวก่อนจะแทงตรงเข้าไปหาไฉยิ่งที่กำลังพุ่งตรงมาหาเขา

"ไอ้หมอนั่นไม่ค่อยฉลาดนะ!"

ด้านหลังของเสี่ยวเสวี่ยมีเสียงของน้าฉินดังขึ้น

"ใช่ไงคะ!"

นัยตาของเสี่ยวเสวี่ยมีรังสีความสงสัยเกิดขึ้นเช่นกันกระบวนท่าในเมื่อกี้ของหลินหยินทำให้พวกเขารู้สึกเซอร์ไพรส์มากแต่คิดไม่ถึงเลยว่าวินาทีต่อไปหลินหยินจะตรงเข้าไปหาไฉยิ่งเอง

ในสายตาของคนภายนอกไฉยิ่งน่าจะเป็นคนที่จัดการยากที่สุดในบรรดาทั้งสี่คนนี้แล้ววิธีการจัดการที่ดีที่สุดก็คือกำจัดคนอื่นก่อนจากนั้นค่อยไปจัดการไฉยิ่งอีกทีไม่งั้นทันทีที่ถูกไฉยิ่งเข้ามาพัวพันด้วยเกราะป้องกันที่น่าขนลุกและถูกอีกสามคนที่เหลือรุมโจมตีอีกทีก็จะหาโอกาสในการพลิกผันสถานการณ์ได้ยากแล้ว

ไฉยิ่งพุ่งกระโจนตรงเข้ามาหาหลินหยินแววตาเต็มไปด้วยความสุขเขาฝึกฝนวิชาศักยภาพทางร่างกายทักษะวิชาของร่างกายไม่ค่อยเก่งกาจมากนักสิ่งที่กลัวที่สุดคือคนอื่นเข้ามาถ่วงเวลาเขาและไม่ต่อสู้กับเขาแต่คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กน้อยตรงหน้านี้จะไม่ชาญฉลาดขนาดนี้

เมื่อเห็นว่าหลินหยินยิ่งอยู่ยิ่งใกล้เข้ามาไฉยิ่งกำหมัดแน่นทั้งสองข้างก่อนจะชกเข้าใส่หลินหยินอย่างกระทันหัน

พลังของหมัดนี้รุนแรงมากๆถึงแม้ว่าจะเป็นยอดฝีมือที่ฝึกฝนศักยภาพทางร่างกายโดยเฉพาะเมื่อถูกชกด้วยหมัดนี้ถ้าไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัส

แต่หลินหยินแค่บิดตัวหลบอย่างเบาสบายก็หลบหมัดนี้ของไฉยิ่งได้แล้วก่อนจะจิ้มนิ้วออกไป

"ปังปังปังปังปังปังปัง!"

ร่างกายของไฉยิ่งบินลอยออกไปบนใบหน้ามีรังสีแห่งความไม่คาดคิดก่อนจะร่วงลงไปกับพื้นอย่างเต็มแรง

"อั่ก!"

ไฉยิ่งกระอักเลือดสดออกมาทีนึงลมหายใจแผ่วเบาลงไป

และในตอนนี้เองฉีเจื๋อไจของถันคังก็มาถึงแล้วเช่นกันหลินหยินเบ่งลมราณประสานกายออกมาปราณดาบทั้งเจ็ดฟาดฟันอยู่บนลมปราณประสานกายหลินหยินถูกฉีเจื๋อไจโจมตีจนถอยบินออกไปไกลสิบกว่าเมตรและคนเข้ากับต้นไม้ต้นหนึ่งอย่างจัง

สุดท้ายเมื่อเผชิญหน้ากับคลื่นเสียงที่ตรงเข้ามาในทุกทิศทุกทางหลินหยินฝึกหายใจเข้าทางปากอย่างกระทันหัน

"อ๊าก!"

เห็นได้ด้วยตาเปล่าเลยว่าคลื่นเสียงที่เหมือนแก่นแท้พ้นออกมาจากปากหลินหยินพุ่งกวาดออกไปท่ามกลางอากาศที่ว่างเปล่าสั่นสะเทือนจนทำให้ก้อนเมฆที่อยู่บนป่าเขาแตกแยกออกจากกันเสียงดังดั่งท้องฟ้าคำรามดังสนั่นไปไกลหลายไมล์ผู้คนที่ยืนดูการต่อสู้อยู่จากที่ไกลยิ่งรู้สึกว่าเหมือนกำลังมีพายุลูกใหญ่ซัดเข้ามาโบกพัดจนต้นไม้ใหญ่ที่สูงสิบกว่าเมตรสั่นเครือไปมา

"โครมแกร็ก!"

คลื่นเสียงรูปคันธนูจำนวนมากถูกเสียงฟ้าคำรามของหลินหยินสั่นสะเทือนจนกลายเป็นฝุ่นผง

"นี่มันเป็นไปได้ยังไง!"

ข้างหูของเสี่ยวเสวี่ยเสียงของน้าฉินดังขึ้นน้าฉินในตอนนี้ก็เริ่มไม่แน่วแน่แล้ว

"น่าเหลือเชื่อจริงๆ!"

เสี่ยวเสวี่ยก็ได้พูดเสียงเบาเช่นกัน

"เมื่อกี้ดูเหมือนว่าหลินหยินจะใช้นิ้วเดียวทำลายเกราะทองของไฉยิ่งได้แต่ความเป็นจริงแล้วเมื่อกี้หลินหยินได้ใช้ไปทั้งหมดเจ็ดนิ้วติดต่อกันได้โจมตีไปทุกบริเวณที่ไฉยิ่งเคยได้รับบาดเจ็บทั้งเจ็ดครั้งเลย!"

น้าฉินพูดด้วยน้ำเสียงที่ตะลึงและหวาดกลัว:"เขารู้ได้ยังไงว่าไฉยิ่งเคยได้รับบาดเจ็บที่อกข้างซ้าย?"

ถ้าเกิดเปลี่ยนเป็นเขาที่ต้องเผชิญหน้ากับไฉยิ่งถึงแม้จะสามารถกดดันได้เช่นกันแต่ไม่สามารถชิลล์สบายเหมือนหลินหยินแน่นอนอีกอย่างหลินหยินเป็นแค่กึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะคนเดียวเท่านั้น

"พลังคลื่นเสียงนี้ของแกมีส่วนที่สมควรแก่การศึกษาอยู่นะ!"

หลินหยินปัดฝุ่นบนเสื้อผ้าตัวเองเบาๆมองดูบรรพบุรุษตระกูลเกาที่ไม่มีกลิ่นอายความเก่าแก่ที่บริสุทธิ์แล้วพลางพูดเสียงต่ำ

คนที่ยืนดูการต่อสู้ต่างช็อคจนเบิกตากว้างและอ้าปากค้าง

เมื่อกี้หลินหยินรับฉีเจื๋อไจของถันคังแบบตรงๆเลยจากนั้นภายใต้หนึ่งปราณดาบหนึ่งนิ้วหนึ่งคำรามกลับทำลายการรุมโจมตีของทั้งสี่ได้เลยงั้นหรอและยังได้โจมตีครั้งเดียวจนทำให้ไฉยิ่งที่จัดการย่างได้รับบาดเจ็บสาหัสจนสูญเสียพลังในการต่อสู้ไปเลยด้วย

ตอนนี้ยอดฝีมือกึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะเหลืออยู่แค่สามคนแล้วอีกอย่างดูจากสภาพแล้วทั้งสามคนก็รู้สึกตะลึงกับพลังความสามารถในการต่อสู้ของเด็กหนุ่มตรงหน้านี้เช่นกันไม่มีความสูงส่งและภาคภูมิใจเหมือนเมื่อกี้แล้ว

"ซีด!"

ทุกคนต่างตกใจกับพลังในการต่อสู้ของหลินหยินจนต้องสูดหายใจเข้าทางปากทีนึง

"หรือว่าพ่อหนุ่มคนนี้เป็นคนในตระกูลพวกนั้น?ไม่งั้นทำไมพลังความสามารถันคังึงได้เก่งกาจได้ถึงขนาดนี้!"

"ต้องใช่แน่นอนมีแต่คนในแปดเชื้อสายพระราชวงศ์และสี่เชื้อสายราชาเท่านั้นแหละที่จะมีคนหนุ่มสาวที่มีความสามารถเก่งกาจขนาดนี้ได้"

ภายในเวลาชั่วขณะสายตาของทุกคนที่มองไปทางหลินหยินก็ได้เปลี่ยนไปหมดเลย

ถ้าเกิดหลินหยินเป็นคนในตระกูลเหล่านั้นจริงๆการที่บรรพบุรุษตระกูลเกาและคนอื่นๆรุมโจมตีเขาในวันนี้คาดว่าต้องซวยแล้วแน่ๆ

บรรพบุรุษตระกูลเกาและคนอื่นๆก็ขนหัวลุกเช่นกันตอนแรกก็คิดว่าเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านี้เป็นแค่อัจฉริยะที่พอมีความสามารถเท่านั้นแหละแต่ดูจากตอนนี้แล้วเหมือนจะเป็นกระดูกแข็งชิ้นนึงเลย

"พ่อหนุ่มพลังความสามารถของแกเก่งกาจจริงๆแต่ว่าพวกเรามีชื่อเสียงเลื่องลือมาช้านานใช่ว่าจะไม่มีไพ่เด็ดเหมือนกันขอแค่แกสาบานว่าจะไม่มาหาเรื่องพวกเราอีกข้อตกลงก่อนหน้านี้ของเราก็ยังคงมีผลอยู่!"สีหน้าของถันคังหม่นหมองมากพลางพูดเสียงต่ำ

หลินหยินหัวเราะอย่างดูถูกเมื่อกี้ยังมองว่าเขาเป็นมดตัวน้อยตัวนึงอยู่เลยตอนนี้อยากหยุดการต่อสู้มันสายไปแล้ว!

"ลงมือโจมตีพร้อมกันอย่าออมมือ!"

บรรพบุรุษตระกูลเกาตะคอกเสียงต่ำทีนึงพลังคลื่นเสียงที่ออกมาจากปากก็ยิ่งรนเมื่อเข้าไปใหญ่

รอบกายของฟางเปียวและถันคังก็มีพลังพิศวงเคลื่อนไหวไปมาเช่นกันพลางจ้องมองหลินหยินด้วยสายตาที่เคร่งเครียด

หลินหยินยิ้มกริ่มกำลังจะลงมือโจมตี

ทันใดนั้นเองเขาก็ได้ขมวดคิ้วลงจ้องมองไปทางทิศใต้

"มียอดฝีมือจากทิศใต้มาถึงแล้ว!"

ข้างหูของเสี่ยวเสวี่ยมีเสียงของน้าฉินดังขึ้น

ทันทีที่พูดจบเงาร่างชุดกี่เพ้าสีแดงก็ได้พุ่งเข้ามาอย่างกระทันหันในมือมีร่างของคนสองคนอีกด้วย

"เพี๊ยะ!"

ทั้งสองคนถูกเขาฟาดลงไปกับพื้นอย่างแรงซึ่งสองคนดังกล่าวก็คือหลิงจ้านและหลิงซานที่หลินหยินให้พวกเขารออยู่ด้านนอกป่าเขานั่นเอง

นักสู้ชุดกี่เพ้าสีแดงกวาดตามองนักสู้ที่อยู่รอบๆอย่างเยือกเย็นก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา:"หลินหยินคือใครออกมาเผชิญหน้ากับความตายซะ!"

บนใบหน้าของลิงจ้านและหลิงซานมีรังสีแห่งความรู้สึกผิดเกิดขึ้นเห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาเป็นคนปล่อยข่าวของหลินหยินออกไป

Download APP, continue reading

Chapters

1324