บทที่ 933 รุมฆ่า
by อาห่าว
08:01,Mar 30,2021
"เหอะ!"
หลินหยินหัวเราะอย่างเยือกเย็นทีนึงสันดานของคนพวกนี้เป็นยังไงตอนที่เขายังไม่ได้ลงมือเขาก็ดูออกตั้งแต่แรกแล้วต่างเป็นคนที่มีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตถึงแม้ว่าพวกเขาจะก้าวเข้ากึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะมาตั้งนานแล้วแต่ทว่าศักยภาพที่มีเริ่มสูญสิ้นไปมากพอสมควรแล้วไม่มีความหวังอะไรที่จะสามารถบรรลุถึงขั้นดินแดนแห่งความเป็นอมตะได้แล้ว
เขายังไม่เกรงกลัวกลุ่มคนพวกนี้หรอกนะอีกอย่างเขาก็จะสู้เพื่อให้ชื่อเสียงและความน่าเกรงขามของตัวเองโด่งดังออกไปด้วยเช่นกันมีแต่การทำแบบนี้ถึงจะมีโอกาสได้ติดต่อสัมผัสกับเหล่าตระกูลใหญ่ๆที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงมีแต่ฝึกฝนอยู่ภายในตระกูลมหาอำนาจเหล่านั้นเขาถึงจะมีโอกาสได้กลายเป็นร่างกายแห่งอมตะได้
"ยังพวกแกอะนะจะจับฉันได้สงสัยอาจจะยังไม่พอ!"หลินหยินหัวเราะอย่างเยือกเย็นพลางพูด
"เด็กน้อยระดับพลังความสามารถของแกเก่งจริงๆแค่พลังปราณดาบเดียวก็สามารถปลิดชีพหมาป่ากลายพันธุ์ตัวนั้นได้ถ้าเกิดสู้กันตัวต่อตัวพวกเราอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของแกแต่ว่าแกหยิ่งผยองมากเกินไปแล้วหรือว่าแกคิดจริงหรอว่าแกจะสามารถเอาชนะยอดฝีมือระดับเดียวกันทั้งสี่ได้ด้วยตัวแกคนเดียว?"ใบหน้าของเกาเซวียนดูจริงจังขึ้นพลางพูดอย่างเข้มงวด
"กระจอกตัวเดียวทำไม่ได้?คิดว่ากระจอกสี่ตัวจะสามารถทำลายกฏของธรรมชาติได้หรือ?"หลินหยินพูดอย่างเรียบนึ่ง
"อะไรนะ?"
ผู้คนที่ยังกำลังมุงดูอยู่ต่างรู้สึกตะลึงคิดไม่ถึงเลยว่าชายหนุ่มลึกลับที่เพิ่งปรากฏตัวคนนี้จะกล้าพูดจาเหยียดหยามเหล่ายอดฝีมือที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาช้านานงั้นหรอ
"ไอ้หมอนี่นี่มันรนหาที่ตายชัดๆ!"ในแววตาของใครบางคนมีรังสีแห่งความอิจฉาริษยาเกิดขึ้นพลางพูดเสียงเบา
"เหอะถ้าเกิดคนเค้าไม่ได้เอาบรรพบุรุษตระกูลเกามาไว้ในสายตาจริงๆหละ?"มีคนโต้แย้งถึงเบา
"นายเคยเห็นตั้งแต่เมื่อไหร่ว่ามีนักสู้คนเดียวที่สามารถต้านทานยอดฝีมือที่มีระดับเหมือนกันทั้งสี่คนได้สำเร็จ!"
ในขณะที่ผู้คนที่อยู่รอบนอกถกเถียงกันไปมาอยู่นั้นกึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะทั้งสี่ได้ล้อมรอบเป็นวงกลมล้อมตัวหลินหยินไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เสี่ยวเสวี่ยยืนอยู่ด้านหลังหลินหยินไม่มีความลุกลนเลยแม้แต่น้อยยิ้มพลางจ้องมองหลินหยินแล้วพูดว่า"หลินหยินเดี๋ยวถ้าเกิดนายสู้ไม่ไหวเรียกฉันว่าพี่สาวคำนึงฉันก็จะยื่นมือออกไปช่วยนายหนึ่งครั้ง"
หลินหยินมองเสี่ยวเสวี่ยก่อนจะตอบอย่างเรียบนิ่ง:"แค่คนพวกนี้เองไม่มีความจำเป็นหรอก!"
"ไอ้เจ้าเด็กน้อยคลังสมบัติลับตี้เซียนอยู่ตรงหน้านี้แล้วถ้าเกิดแกใช้จิตวิหลินหยินาณสาบานว่าต่อไปจะไม่เป็นศัตรูกับพวกเราอีกพวกเราสามารถไว้ชีวิตแกได้หนึ่งครั้ง"บรรพบุรุษตระกูลเกาเกาเซวียนพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น
เขามักจะรู้สึกว่าเขาสัมผัสถึงความลึกตื้นของชายหนุ่มตรงหน้านี้ไม่ได้เลยทางที่ดีที่สุดถ้าเกิดเป็นมิตรกันไม่ได้ก็คงจะทำได้แค่ถอนรากถอนโคนตั้งแต่ตอนนี้แล้ว
"ไม่งั้นก็อย่ามาโทษว่าพวกเราสี่คนร่วมมือกันรังแกคนที่เด็กกว่า!"
พลังอาฆาตแค้นของบรรพบุรุษตระกูลถันถันคังดุเดือดมาก
เหล่านักสู้ดินแดนอมตะที่กำลังมุงดูศึกในครั้งนี้ต่างรู้สึกสั่นไปทั้งตัวสถานที่ที่พวกเขากำลังยืนอยู่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอาณาจักรลับคุนหลุนสถานที่แห่งนี้เปลี่ยวเปล่าและห่างไกลความเจริญมากพลังจิตวิหลินหยินาณของที่นี่เทียบกับเสาหลักของอาณาจักรลับคุนหลุนอย่างภูเขาคุนซวีไม่ได้เลยด้วยซ้ำทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอาณาจักรคุนหลุนมียอดฝีมือดินแดนแห่งความเป็นอมตะปรากฎน้อยมากระดับพลังความสามารถของกึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะถือว่าเป็นจุดสูงสุดแล้ว
กึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะทั้งสี่ร่วมมือกันนี่ถือว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่โตมากๆเลยนะในทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอาณาจักรลับคุนหลุนไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมานานเป็นเวลาสิบกว่าปีแล้ว
"ฮ่าๆๆ!"
หลินหยินหัวเราะดังลั่นแต่ใบหน้ากลับเรียบนิ่งมาก:"แค่พวกแกอ่ะนะอยากจะบีบบังคับให้ฉันหลินหยินก้มหัวให้?งั้นวันนี้ก็ปล่อยให้ฉันฆ่าฟัดหัวพวกแกไปเสียจะได้บอกกล่าวให้ยอดฝีมือทั้งโลกได้ทราบว่าฉันหลินหยินไม่ใช่ผู้ที่จะมารุกรานได้!"
เมื่อหลินหยินพูดแบบนี้ออกมาสีหน้าของทั้งสี่คนก็ได้เปลี่ยนไปอย่างกระทันหัน
"โอหัง!"
บรรพบุรุษตระกูลเกาตำหนิเสียงดัง
"ไอ้เด็กเมื่อวานซืนตายซะ!"
ใบหน้าของฟางเปียวเต็มไปด้วยพลังแห่งความอาฆาตดาบยาวในมือได้หลุดออกมาจากปลอกดาบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"วันนี้จะใช้เลือดของแกมาบูชายัญคลังสมบัติลับตี้เซียนนี้!"
ถันคังคำรามเสียงดังดาบยาวในมือได้พุ่งตรงไปด้านหน้าหลินหยิน
ถึงแม้ว่าไฉยิ่งจะไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรเลยแต่เงาร่างของเขาได้ปรากฏอยู่ในตำแหน่งที่ห่างจากหลินหยินเจ็ดฟุตเป็นที่เรียบร้อยแล้วก่อนจะโจมตีเข้าใส่หลินหยิน
จากการกระทำของทั้งสี่คนพลังออร่าที่ใหญ่โตมโหฬารทั้งสี่พุ่งตรงขึ้นไปบนฟ้าภายในพริบตาอันนั้นไปทั่วทั้งป่าเขา
พลังออร่าที่ยอดฝีมือกึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะปลดปล่อยออกมามันจะน่าขนลุกมากแค่ไหนสัตว์ป่าต่างๆที่อยู่ในป่าเขาแห่งนี้ตั้งแต่แรกได้ล้มคลานลงไปกับพื้นแล้วสัตว์ป่าดุร้ายนับร้อยได้ก้มหัวลงไปเหล่ายอดฝีมือดินแดนอมตะจำนวนมากต่างรู้สึกแค่ว่าตัวเองเหมือนเป็นใบไม้ท่ามกลางพายุยังไงอย่างงั้นมีความเสี่ยงที่จะถูกลมพัดจนกระดูกแตกสลายไปได้ทุกเมื่อ
ปึก!
จากแรงกดดันของพลังออร่าของทั้งสี่ทำให้มีคนได้ล้มลงไปกับพื้นจึงทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ติดต่อกันผู้คนที่อยู่รอบๆเริ่มล้มลงไปเป็นแถบมีแต่ดินแดนอมตะขั้นสูงสุดไม่กี่คนที่ยังสามารถกัดฟันทนต่อไปได้อยู่
"รีบหนี!"
ใบหน้าของยอดฝีมือดินแดนอมตะขั้นสูงสุดคนนึงเปลี่ยนไปอย่างกระทันหันก่อนที่ร่างกายจะระเบิดแตกออกมา
"ถ้ายังไม่รีบทันทีที่พวกมันเริ่มปะทะกันพวกเราทุกคนต่างเหมือนมดตัวน้อยตัวเดียวมีความเสี่ยงที่จะถูกฆ่าได้ตลอดทุกเมื่อเลยนะ!"
เหล่านักสู้ยอดฝีมือจำนวนมากพยายามบังคับให้ตัวเองลุกขึ้นและมุ่งหน้าวิ่งพุ่งออกไปรอบป่าเขา
"เสี่ยวเสวี่ยคุณก็ถอยไปก่อนเถอะ!"
หลินหยินมองดูเสี่ยวเสวี่ยที่ไม่ได้รับผลกระทบจากพลังออร่าเลยแม้แต่น้อยพลางพูดเสียงเบา
"ได้!"
เสี่ยวเสวี่ยมองหลินหยินรอบนึงก่อนจะหันหน้าแล้วเดินออกไปจากบริเวณที่ถูกคลุมไปด้วยพลังออร่าของคนพวกนั้น
"หยุดมันไว้!"
ไฉยิ่งโบกมือทีนึงพลังชี่รูปมือที่ใหญ่โตประกอบขึ้นเป็นรูปร่างก่อนจะพุ่งไปจับเสี่ยวเสวี่ย
ปัง!
พลังปราณดาบนึงปล่อยออกมาทีหลังแต่ไปถึงเป้าหมายก่อนทำให้พังชี่รูปมือที่ใหญ่โตแตกสลายกลายเป็นฝุ่นผงภายในพริบตา
หลินหยินจ้องมองไฉยิ่งพลางพูดอย่างเยือกเย็น:
"คู่ต่อสู้ของแกคือฉัน!"
"โอหัง!"
ไฉยิ่งทำเสียงหึอย่างเยือกเย็นและไม่ได้ลงมือต่อแต่ทว่าพลังออร่าบนร่างกายค่อยๆเพิ่มมากขึ้นราวกับมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ซัดเข้าไปหาหลินหยิน
คนอื่นๆที่เหลือไม่ได้ออมมืออีกต่อไปต่างก้าวเดินขึ้นมาหนึ่งก้าวโดยที่ทั้งสี่คนเป็นจุดศูนย์กลางรวมร่างกันกลายเป็นพายุขนาดใหญ่ทำให้ต้นไม้ใบหญ้าที่อยู่บริเวณรอบรอบถูกแรงลมดูดเข้ามาและบดกลายเป็นฝุ่นผงภายในพริบตา
และตัวหลินหยินกำลังยืนอยู่จุดศูนย์กลางของพายุลูกใหญ่ดังกล่าว
หลินหยินยืนอยู่ตรงนั้นและแบกรับพลังแรงกดดันที่มากที่สุดของดินแดนอมตะทั้งสี่แต่ใบหน้าของเขายังคงเรียบนิ่งเช่นเคยในจังหวะที่พายุอยู่ห่างจากตัวหลินหยินแค่สามนิ้วอยู่นั้นก็ถูกพลังปราณที่บอกไม่เห็นพลังนึงทำให้ดับสลายไปแม้แต่ใบไม้ที่ร่วงหล่นที่ปลายเท้าของเขาก็ไม่เคยลอยขึ้นเลย
"เด็กน้อยแกเป็นคนแรกที่สามารถทำให้พวกเราร่วมมือกันดูแลเลยนะ!"
บรรพบุรุษตระกูลเกาค่อยๆปากพูดขึ้นมา
"อ้อหรอ?"หลินหยินเอามือไขว้หลังพลางหัวเราะอย่างเยือกเย็น:"แต่น่าเสียดายที่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปพวกแกจะไม่มีอยู่อีกต่อไปและจะไม่มีโอกาสที่จะได้ร่วมมือกันอีกต่อไป!"
หลังจากที่พูดจบหลินหยินก็ได้ก้าวเดินออกไปจากพายุหมุนพายุได้ดับสลายหายไปภายในพริบตา
"ถ้าเก่งจริงก็โชว์พลังความสามารถที่แท้จริงออกมาซะหรือว่าพวกแกคิดที่จะเอาพลังออร่ามากดดันให้ฉันตายงั้นหรอ?"
โครม!
ถันคังเป็นคนที่ลงมือก่อนเป็นคนแรกดาบยาวหมุนตัวอย่างกระทันหันปราณดาบสีแดงทั้งสี่ฟาดฟันไปในทิศทางของหลินหยินติดต่อกัน
"ฉีเจื๋อไจ!"
ภายในกลุ่มคนที่กำลังดูการปะทะกันมีคนจำกระบวนนี้ของถันคังได้กระบวนท่านี้เป็นตำราวิชาเด็ดของตระกูลถันฟาดดาบออกมาติดต่อกันเจ็ดครั้งพลังของแต่ละครั้งจะมีเพิ่มมากขึ้นกว่าเก่าปราณดาบที่เจ็ดยิ่งมีพลังที่สามารถทำลายฟ้าและดินได้
"เห้อ!"
บรรพบุรุษตระกูลเกาถอนหายใจเฮือกนึงเปล่งเสียงที่แปลกประหลาดออกมาคลื่นเสียงที่มองไม่เห็นกลายเป็นแก่นแท้ขึ้นมาภายในพริบตาเสมือนคันธนูนับหมื่นพุ่งไปในทิศทางของหลินหยินทุกทิศ
ตระกูลเกายืนหยัดขึ้นมาได้เพราะการโจมตีคลื่นเสียงบรรพบุรุษตระกูลเกายิ่งได้ฝึกฝนตำราการโจมตีด้วยคลื่นเสียงจนถึงระดับที่เซียนมากๆเลยทีเดียว
คลื่นเสียงที่งดงามท่ามกลางท้องฟ้าที่ว่างเปล่าเปล่งประกายด้วยรังสีที่เยือกเย็น
ส่วนฟางเปียวก็ได้ฟาดฟันดาบออกมาที่นึงเช่นกันปราณดับที่สว่างไสวดังอสรพิษสีทองพุ่งออกมาจากมือเขาอย่างกระทันหันปล่อยออกมาทีหลังแต่ความเร็วนั้นรวดเร็วกว่าได้แซงออกไปเกือบสิบเมตรภายในพริบตา
พลังดาบในครั้งนี้ยิ่งทำให้สีหน้าของผู้คนที่ดูการต่อสู้ที่ยืนห่างออกไปไกลกว่าพันเมตรเปลี่ยนไปเลย
ส่วนกล้ามเนื้อต่างๆของไฉยิ่งพองตัวใหญ่ขึ้นอย่างกระทันหันกล้ามเนื้อบริเวณรอบๆเริ่มแข็งดั่งแผ่นเหล็กย่ำเท้าลงกับพื้นอย่างเต็มแรงพุ่งกระโจนตรงเข้าไปหาหลินหยินไฉยิ่งเป็นนักสู้ที่เน้นฝึกฝนกายภาพของร่างกายโดยเฉพาะอย่างงั้นหรอร่างกายของเขาดินแดนแห่งความเป็นอมตะทั่วไปไม่สามารถทำลายเกราะป้องกันของเขาได้เลยด้วยซ้ำเป็นผู้ที่ยืนหยัดอยู่อย่างคงกระพันที่ไม่มีวันพ่ายแพ้
กึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะทั้งสี่ไม่ลงมือพร้อมกันยังดีหน่อยแต่ทันทีที่ลงมือพร้อมกันก็เหมือนดั่งนักฆ่าสายฟ้าเลย
หลินหยินหัวเราะอย่างเยือกเย็นทีนึงสันดานของคนพวกนี้เป็นยังไงตอนที่เขายังไม่ได้ลงมือเขาก็ดูออกตั้งแต่แรกแล้วต่างเป็นคนที่มีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตถึงแม้ว่าพวกเขาจะก้าวเข้ากึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะมาตั้งนานแล้วแต่ทว่าศักยภาพที่มีเริ่มสูญสิ้นไปมากพอสมควรแล้วไม่มีความหวังอะไรที่จะสามารถบรรลุถึงขั้นดินแดนแห่งความเป็นอมตะได้แล้ว
เขายังไม่เกรงกลัวกลุ่มคนพวกนี้หรอกนะอีกอย่างเขาก็จะสู้เพื่อให้ชื่อเสียงและความน่าเกรงขามของตัวเองโด่งดังออกไปด้วยเช่นกันมีแต่การทำแบบนี้ถึงจะมีโอกาสได้ติดต่อสัมผัสกับเหล่าตระกูลใหญ่ๆที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงมีแต่ฝึกฝนอยู่ภายในตระกูลมหาอำนาจเหล่านั้นเขาถึงจะมีโอกาสได้กลายเป็นร่างกายแห่งอมตะได้
"ยังพวกแกอะนะจะจับฉันได้สงสัยอาจจะยังไม่พอ!"หลินหยินหัวเราะอย่างเยือกเย็นพลางพูด
"เด็กน้อยระดับพลังความสามารถของแกเก่งจริงๆแค่พลังปราณดาบเดียวก็สามารถปลิดชีพหมาป่ากลายพันธุ์ตัวนั้นได้ถ้าเกิดสู้กันตัวต่อตัวพวกเราอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของแกแต่ว่าแกหยิ่งผยองมากเกินไปแล้วหรือว่าแกคิดจริงหรอว่าแกจะสามารถเอาชนะยอดฝีมือระดับเดียวกันทั้งสี่ได้ด้วยตัวแกคนเดียว?"ใบหน้าของเกาเซวียนดูจริงจังขึ้นพลางพูดอย่างเข้มงวด
"กระจอกตัวเดียวทำไม่ได้?คิดว่ากระจอกสี่ตัวจะสามารถทำลายกฏของธรรมชาติได้หรือ?"หลินหยินพูดอย่างเรียบนึ่ง
"อะไรนะ?"
ผู้คนที่ยังกำลังมุงดูอยู่ต่างรู้สึกตะลึงคิดไม่ถึงเลยว่าชายหนุ่มลึกลับที่เพิ่งปรากฏตัวคนนี้จะกล้าพูดจาเหยียดหยามเหล่ายอดฝีมือที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาช้านานงั้นหรอ
"ไอ้หมอนี่นี่มันรนหาที่ตายชัดๆ!"ในแววตาของใครบางคนมีรังสีแห่งความอิจฉาริษยาเกิดขึ้นพลางพูดเสียงเบา
"เหอะถ้าเกิดคนเค้าไม่ได้เอาบรรพบุรุษตระกูลเกามาไว้ในสายตาจริงๆหละ?"มีคนโต้แย้งถึงเบา
"นายเคยเห็นตั้งแต่เมื่อไหร่ว่ามีนักสู้คนเดียวที่สามารถต้านทานยอดฝีมือที่มีระดับเหมือนกันทั้งสี่คนได้สำเร็จ!"
ในขณะที่ผู้คนที่อยู่รอบนอกถกเถียงกันไปมาอยู่นั้นกึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะทั้งสี่ได้ล้อมรอบเป็นวงกลมล้อมตัวหลินหยินไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เสี่ยวเสวี่ยยืนอยู่ด้านหลังหลินหยินไม่มีความลุกลนเลยแม้แต่น้อยยิ้มพลางจ้องมองหลินหยินแล้วพูดว่า"หลินหยินเดี๋ยวถ้าเกิดนายสู้ไม่ไหวเรียกฉันว่าพี่สาวคำนึงฉันก็จะยื่นมือออกไปช่วยนายหนึ่งครั้ง"
หลินหยินมองเสี่ยวเสวี่ยก่อนจะตอบอย่างเรียบนิ่ง:"แค่คนพวกนี้เองไม่มีความจำเป็นหรอก!"
"ไอ้เจ้าเด็กน้อยคลังสมบัติลับตี้เซียนอยู่ตรงหน้านี้แล้วถ้าเกิดแกใช้จิตวิหลินหยินาณสาบานว่าต่อไปจะไม่เป็นศัตรูกับพวกเราอีกพวกเราสามารถไว้ชีวิตแกได้หนึ่งครั้ง"บรรพบุรุษตระกูลเกาเกาเซวียนพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น
เขามักจะรู้สึกว่าเขาสัมผัสถึงความลึกตื้นของชายหนุ่มตรงหน้านี้ไม่ได้เลยทางที่ดีที่สุดถ้าเกิดเป็นมิตรกันไม่ได้ก็คงจะทำได้แค่ถอนรากถอนโคนตั้งแต่ตอนนี้แล้ว
"ไม่งั้นก็อย่ามาโทษว่าพวกเราสี่คนร่วมมือกันรังแกคนที่เด็กกว่า!"
พลังอาฆาตแค้นของบรรพบุรุษตระกูลถันถันคังดุเดือดมาก
เหล่านักสู้ดินแดนอมตะที่กำลังมุงดูศึกในครั้งนี้ต่างรู้สึกสั่นไปทั้งตัวสถานที่ที่พวกเขากำลังยืนอยู่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอาณาจักรลับคุนหลุนสถานที่แห่งนี้เปลี่ยวเปล่าและห่างไกลความเจริญมากพลังจิตวิหลินหยินาณของที่นี่เทียบกับเสาหลักของอาณาจักรลับคุนหลุนอย่างภูเขาคุนซวีไม่ได้เลยด้วยซ้ำทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอาณาจักรคุนหลุนมียอดฝีมือดินแดนแห่งความเป็นอมตะปรากฎน้อยมากระดับพลังความสามารถของกึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะถือว่าเป็นจุดสูงสุดแล้ว
กึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะทั้งสี่ร่วมมือกันนี่ถือว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่โตมากๆเลยนะในทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอาณาจักรลับคุนหลุนไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมานานเป็นเวลาสิบกว่าปีแล้ว
"ฮ่าๆๆ!"
หลินหยินหัวเราะดังลั่นแต่ใบหน้ากลับเรียบนิ่งมาก:"แค่พวกแกอ่ะนะอยากจะบีบบังคับให้ฉันหลินหยินก้มหัวให้?งั้นวันนี้ก็ปล่อยให้ฉันฆ่าฟัดหัวพวกแกไปเสียจะได้บอกกล่าวให้ยอดฝีมือทั้งโลกได้ทราบว่าฉันหลินหยินไม่ใช่ผู้ที่จะมารุกรานได้!"
เมื่อหลินหยินพูดแบบนี้ออกมาสีหน้าของทั้งสี่คนก็ได้เปลี่ยนไปอย่างกระทันหัน
"โอหัง!"
บรรพบุรุษตระกูลเกาตำหนิเสียงดัง
"ไอ้เด็กเมื่อวานซืนตายซะ!"
ใบหน้าของฟางเปียวเต็มไปด้วยพลังแห่งความอาฆาตดาบยาวในมือได้หลุดออกมาจากปลอกดาบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"วันนี้จะใช้เลือดของแกมาบูชายัญคลังสมบัติลับตี้เซียนนี้!"
ถันคังคำรามเสียงดังดาบยาวในมือได้พุ่งตรงไปด้านหน้าหลินหยิน
ถึงแม้ว่าไฉยิ่งจะไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรเลยแต่เงาร่างของเขาได้ปรากฏอยู่ในตำแหน่งที่ห่างจากหลินหยินเจ็ดฟุตเป็นที่เรียบร้อยแล้วก่อนจะโจมตีเข้าใส่หลินหยิน
จากการกระทำของทั้งสี่คนพลังออร่าที่ใหญ่โตมโหฬารทั้งสี่พุ่งตรงขึ้นไปบนฟ้าภายในพริบตาอันนั้นไปทั่วทั้งป่าเขา
พลังออร่าที่ยอดฝีมือกึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะปลดปล่อยออกมามันจะน่าขนลุกมากแค่ไหนสัตว์ป่าต่างๆที่อยู่ในป่าเขาแห่งนี้ตั้งแต่แรกได้ล้มคลานลงไปกับพื้นแล้วสัตว์ป่าดุร้ายนับร้อยได้ก้มหัวลงไปเหล่ายอดฝีมือดินแดนอมตะจำนวนมากต่างรู้สึกแค่ว่าตัวเองเหมือนเป็นใบไม้ท่ามกลางพายุยังไงอย่างงั้นมีความเสี่ยงที่จะถูกลมพัดจนกระดูกแตกสลายไปได้ทุกเมื่อ
ปึก!
จากแรงกดดันของพลังออร่าของทั้งสี่ทำให้มีคนได้ล้มลงไปกับพื้นจึงทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ติดต่อกันผู้คนที่อยู่รอบๆเริ่มล้มลงไปเป็นแถบมีแต่ดินแดนอมตะขั้นสูงสุดไม่กี่คนที่ยังสามารถกัดฟันทนต่อไปได้อยู่
"รีบหนี!"
ใบหน้าของยอดฝีมือดินแดนอมตะขั้นสูงสุดคนนึงเปลี่ยนไปอย่างกระทันหันก่อนที่ร่างกายจะระเบิดแตกออกมา
"ถ้ายังไม่รีบทันทีที่พวกมันเริ่มปะทะกันพวกเราทุกคนต่างเหมือนมดตัวน้อยตัวเดียวมีความเสี่ยงที่จะถูกฆ่าได้ตลอดทุกเมื่อเลยนะ!"
เหล่านักสู้ยอดฝีมือจำนวนมากพยายามบังคับให้ตัวเองลุกขึ้นและมุ่งหน้าวิ่งพุ่งออกไปรอบป่าเขา
"เสี่ยวเสวี่ยคุณก็ถอยไปก่อนเถอะ!"
หลินหยินมองดูเสี่ยวเสวี่ยที่ไม่ได้รับผลกระทบจากพลังออร่าเลยแม้แต่น้อยพลางพูดเสียงเบา
"ได้!"
เสี่ยวเสวี่ยมองหลินหยินรอบนึงก่อนจะหันหน้าแล้วเดินออกไปจากบริเวณที่ถูกคลุมไปด้วยพลังออร่าของคนพวกนั้น
"หยุดมันไว้!"
ไฉยิ่งโบกมือทีนึงพลังชี่รูปมือที่ใหญ่โตประกอบขึ้นเป็นรูปร่างก่อนจะพุ่งไปจับเสี่ยวเสวี่ย
ปัง!
พลังปราณดาบนึงปล่อยออกมาทีหลังแต่ไปถึงเป้าหมายก่อนทำให้พังชี่รูปมือที่ใหญ่โตแตกสลายกลายเป็นฝุ่นผงภายในพริบตา
หลินหยินจ้องมองไฉยิ่งพลางพูดอย่างเยือกเย็น:
"คู่ต่อสู้ของแกคือฉัน!"
"โอหัง!"
ไฉยิ่งทำเสียงหึอย่างเยือกเย็นและไม่ได้ลงมือต่อแต่ทว่าพลังออร่าบนร่างกายค่อยๆเพิ่มมากขึ้นราวกับมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ซัดเข้าไปหาหลินหยิน
คนอื่นๆที่เหลือไม่ได้ออมมืออีกต่อไปต่างก้าวเดินขึ้นมาหนึ่งก้าวโดยที่ทั้งสี่คนเป็นจุดศูนย์กลางรวมร่างกันกลายเป็นพายุขนาดใหญ่ทำให้ต้นไม้ใบหญ้าที่อยู่บริเวณรอบรอบถูกแรงลมดูดเข้ามาและบดกลายเป็นฝุ่นผงภายในพริบตา
และตัวหลินหยินกำลังยืนอยู่จุดศูนย์กลางของพายุลูกใหญ่ดังกล่าว
หลินหยินยืนอยู่ตรงนั้นและแบกรับพลังแรงกดดันที่มากที่สุดของดินแดนอมตะทั้งสี่แต่ใบหน้าของเขายังคงเรียบนิ่งเช่นเคยในจังหวะที่พายุอยู่ห่างจากตัวหลินหยินแค่สามนิ้วอยู่นั้นก็ถูกพลังปราณที่บอกไม่เห็นพลังนึงทำให้ดับสลายไปแม้แต่ใบไม้ที่ร่วงหล่นที่ปลายเท้าของเขาก็ไม่เคยลอยขึ้นเลย
"เด็กน้อยแกเป็นคนแรกที่สามารถทำให้พวกเราร่วมมือกันดูแลเลยนะ!"
บรรพบุรุษตระกูลเกาค่อยๆปากพูดขึ้นมา
"อ้อหรอ?"หลินหยินเอามือไขว้หลังพลางหัวเราะอย่างเยือกเย็น:"แต่น่าเสียดายที่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปพวกแกจะไม่มีอยู่อีกต่อไปและจะไม่มีโอกาสที่จะได้ร่วมมือกันอีกต่อไป!"
หลังจากที่พูดจบหลินหยินก็ได้ก้าวเดินออกไปจากพายุหมุนพายุได้ดับสลายหายไปภายในพริบตา
"ถ้าเก่งจริงก็โชว์พลังความสามารถที่แท้จริงออกมาซะหรือว่าพวกแกคิดที่จะเอาพลังออร่ามากดดันให้ฉันตายงั้นหรอ?"
โครม!
ถันคังเป็นคนที่ลงมือก่อนเป็นคนแรกดาบยาวหมุนตัวอย่างกระทันหันปราณดาบสีแดงทั้งสี่ฟาดฟันไปในทิศทางของหลินหยินติดต่อกัน
"ฉีเจื๋อไจ!"
ภายในกลุ่มคนที่กำลังดูการปะทะกันมีคนจำกระบวนนี้ของถันคังได้กระบวนท่านี้เป็นตำราวิชาเด็ดของตระกูลถันฟาดดาบออกมาติดต่อกันเจ็ดครั้งพลังของแต่ละครั้งจะมีเพิ่มมากขึ้นกว่าเก่าปราณดาบที่เจ็ดยิ่งมีพลังที่สามารถทำลายฟ้าและดินได้
"เห้อ!"
บรรพบุรุษตระกูลเกาถอนหายใจเฮือกนึงเปล่งเสียงที่แปลกประหลาดออกมาคลื่นเสียงที่มองไม่เห็นกลายเป็นแก่นแท้ขึ้นมาภายในพริบตาเสมือนคันธนูนับหมื่นพุ่งไปในทิศทางของหลินหยินทุกทิศ
ตระกูลเกายืนหยัดขึ้นมาได้เพราะการโจมตีคลื่นเสียงบรรพบุรุษตระกูลเกายิ่งได้ฝึกฝนตำราการโจมตีด้วยคลื่นเสียงจนถึงระดับที่เซียนมากๆเลยทีเดียว
คลื่นเสียงที่งดงามท่ามกลางท้องฟ้าที่ว่างเปล่าเปล่งประกายด้วยรังสีที่เยือกเย็น
ส่วนฟางเปียวก็ได้ฟาดฟันดาบออกมาที่นึงเช่นกันปราณดับที่สว่างไสวดังอสรพิษสีทองพุ่งออกมาจากมือเขาอย่างกระทันหันปล่อยออกมาทีหลังแต่ความเร็วนั้นรวดเร็วกว่าได้แซงออกไปเกือบสิบเมตรภายในพริบตา
พลังดาบในครั้งนี้ยิ่งทำให้สีหน้าของผู้คนที่ดูการต่อสู้ที่ยืนห่างออกไปไกลกว่าพันเมตรเปลี่ยนไปเลย
ส่วนกล้ามเนื้อต่างๆของไฉยิ่งพองตัวใหญ่ขึ้นอย่างกระทันหันกล้ามเนื้อบริเวณรอบๆเริ่มแข็งดั่งแผ่นเหล็กย่ำเท้าลงกับพื้นอย่างเต็มแรงพุ่งกระโจนตรงเข้าไปหาหลินหยินไฉยิ่งเป็นนักสู้ที่เน้นฝึกฝนกายภาพของร่างกายโดยเฉพาะอย่างงั้นหรอร่างกายของเขาดินแดนแห่งความเป็นอมตะทั่วไปไม่สามารถทำลายเกราะป้องกันของเขาได้เลยด้วยซ้ำเป็นผู้ที่ยืนหยัดอยู่อย่างคงกระพันที่ไม่มีวันพ่ายแพ้
กึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะทั้งสี่ไม่ลงมือพร้อมกันยังดีหน่อยแต่ทันทีที่ลงมือพร้อมกันก็เหมือนดั่งนักฆ่าสายฟ้าเลย
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.readmeapps.com All rights reserved