บทที่ 935 วันนี้จะเก็บกวาดดินแดนแห่งความเป็นอมตะ
by อาห่าว
08:01,Mar 30,2021
"คุณหนูระวังตัวด้วยนะครับคนๆนี้คือยอดฝีมือดินแดนแห่งความเป็นอมตะ!"ข้างหูเสี่ยวเสวี่ยมีเสียงที่ตึงเครียดของน้าฉินดังขึ้น
"ดินแดนแห่งความเป็นอมตะคนนึงทำไมถึงได้มาในพื้นที่ที่ไม่ไม่ค่อยมีคนแบบนี้ด้วยอีกอย่างดูจากสภาพแล้วเหมือนดินแดนแห่งความเป็นอมตะคนนี้จะมีความแค้นบางอย่างกับหลินหยินอีกด้วย"แววตาของเสี่ยวเสวี่ยก็ดูเคร่งเครียดเช่นกันในอาณาจักรลับคุนหลุนไม่ค่อยได้เห็นยอดฝีมือดินแดนโลกอมตะเดินทางผ่านไปมาเท่าไหร่นักส่วนมากดินแดนแห่งความเป็นอมตะต่างเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลต่างๆ
"คลังสมบัติลับตี้เซียนที่นี่เคยมียอดฝีมือดินแดนโลกอมตะมาถึงแล้วของดีๆต่างถูกเอาไปหมดแล้วไม่ควรดึงดูดความสนใจของดินแดนแห่งความเป็นอมตะสิถึงจะถูกน่าจะมาเพราะไอ้หมอนั่นได้ก่อเรื่องบางอย่างไว้!"น้าฉินพูดเสียงต่ำ
"น้าฉินคะน้าสามารถหยุดดินแดนแห่งความเป็นอมตะคนนี้ได้ไหมคะ?"เสี่ยวเสวี่ยขมวดคิ้วพลางพูดเสียงเบา:"ถึงแม้อายุจะยังหนุ่มอยู่แต่พลังการต่อสู้ของหลินหยินไม่ธรรมดาเลยฉันอยากให้เขาไปเป็นตัวแทนของตระกูลเราเพื่อไปลงแข็งศิลปะการต่อสู้ค่ะ!"
"อะไรนะ!"
ภายในน้ำเสียงของน้าฉินเต็มไปด้วยความแปลกใจ"คุณหนูครับคุณต้องคิดดีๆนะครับคุณมีโอกาสสำหรับการเชิญชวนคนอื่นแค่ครั้งเดียวเท่านั้นนะครับอีกอย่างนี้จะส่งผลกระทบต่อทางเดินในอนาคตของคุณด้วยนะครับอันที่จริงเหล่าวัยรุ่นในตระกูลพวกนั้นก็ไม่เลวเหมือนกันนะอีกอย่างต่างเป็นคนที่รู้สึกสุดจิตสุดใจกับคุณอีกด้วย"
"น้าฉินคะน้าไม่ต้องพูดอะไรมากแล้วค่ะหนูรู้สึกว่าหลินหยินเหมาะสมที่สุดแล้ว!"เสี่ยวเสวี่ยพูดอย่างแน่วแน่
………
หลินหยินมองดูผู้ฝึกฝนที่ใส่ชุดกี่เพ้าสีแดงตรงหน้าแววตาดูเคร่งเครียดพลังออร่าบนตัวคนดังกล่าวไม่ใช่คนที่เหล่าบรรพบุรุษตระกูลเกาจะสามารถเทียบเคียงได้ด้วยซ้ำต้องเป็นยอดฝีมือดินแดนแห่งความเป็นอมตะแน่นอน
"คุณคือใคร?"
หลินหยินถามด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่ง
ถึงแม้ว่าพลังความสามารถของคนที่อยู่ตรงหน้านี้จะแข็งแกร่งมากแต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่สามารถประลองกับเขาได้
"ฉันคือใคร?"
ผู้ฝึกฝนชุดกี่เพ้าสีแดงหัวเราะอย่างได้ใจก่อนจะพูด:"สิบวันก่อนแกฆ่าศิษย์พี่ที่ไม่ได้เรื่องคนนั้นของฉันไปทำให้ฉันต้องรีบเดินทางมาจากภูเขาคุนซวีอย่างยาวไกลถึงแม้ว่าศิษย์พี่คนนั้นของฉันจะไม่ได้เรื่องแต่ก็ไม่ใช่คนที่แกจะสามารถไปแตะต้องได้เช่นกัน"
"คุณหมายถึงไอ้กระจอกนั่นหรอฆ่าตายแล้วก็ตายไปสิ!"หลินหยินตอบอย่างเรียบนิ่ง
"จองหองนักไอ้เด็กเมื่อวานซืน!"นัตตาของบรรพบุรุษตระกูลเกามีรังสีแห่งความสุขปรากฏเขาคิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อเผชิญหน้ากับยอดฝีมือที่ไม่รู้ความสามารถที่แท้จริงหลินหยินยังกล้าจองหองได้ขนาดนี้ตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีงามของพวกเขาพอดีเลย
ถ้าเกิดผู้ฝึกฝนชุดกี่เพ้าสีแดงคนนี้ไม่มาบางทีวันนี้พวกเขาอาจจะต้องจบชีวิตอยู่บนมือหลินหยินแล้วล่ะแต่ตอนนี้ไม่เพียงแค่พวกเขาจะไม่ตายแต่ยังสามารถตีสนิทกับยอดฝีมือดินแดนแห่งความเป็นอมตะคนหนึ่งได้อีกด้วย
คนอื่นๆที่เหลือต่างตะโกน‘อวดดีนัก’ในใจตอนแรกพวกเขากะจะเอ่ยปากพูดออกมาอยู่แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเกาเซวียนเอ่ยปากพูดขึ้นมาก่อนเป็นคนแรก
"หลินหยินวันนี้จะเป็นวันตายของแก"
"ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!"
คนอื่นๆที่เหลือก็ต่างพากันเอ่ยปากพูดขึ้นมาเช่นกัน
"รำคาญ!"
สีหน้าของผู้ฝึกฝนชุดกี่เพ้าสีแดงเปลี่ยนไปอย่างมากตบไปที่เกาเซวียนที่อยู่ใกล้กับเขามากที่สุดอย่างกระทันหัน
ปัง!
พลังฝ่ามือเดียวของดินแดนแห่งความเป็นอมตะรุนแรงมากแค่ไหนเกาเซวียนถูกผู้ฝึกฝนชุดกี่เพ้าสีแดงตบจนบินลอยออกไปทันทีแววตาเต็มไปด้วยความไม่คาดคิดไม่รู้ว่าทำไมยอดฝีมือท่านนี้ถึงได้ลงมือทำลายเขา
"รุ่นพี่ครับ!"
เกาเซวียนกระอักเลือดออกมาทีนึงพลางพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้นจ้องมองผู้ฝึกฝนชุดกี่เพ้าสีแดงอย่างหวาดผวา
ถันคังและฟางเปียวก็ตกใจกลัวจนใบหน้าขาวซีดเช่นกันก่อนจะถอยหลังกลับไปหลายก้าวโดยสัญชาตญาณยื่นออกห่างจากผู้ฝึกฝนชุดกี่เพ้าสีแดง
"ฉันกำลังพูดคุยกับมันถึงเวลาที่พวกแกจะเข้ามายุ่งเกี่ยวได้แล้วหรือ?"ผู้ฝึกฝนชุดกี่เพ้าสีแดงมองไปที่เกาเซวียนกระอักเลือดออกมาทีนึงก่อนจะเชิดหน้าเดินตรงไปหาหลินหยินและพูดอย่างเยือกเย็น:
"ถึงแม้ว่าฉันจำไม่ได้มีความสำคัญใดๆกับศิษย์พี่คนนั้นสำหรับฉันการที่เขาตายแล้วก็ถือว่าลดตัวถ่วงไปได้ตัวนึงแต่ถ้าฉันไม่ทำอะไรเลยคนในโลกมนุษย์ก็จะคิดว่าฉันซุนเหวินตงเป็นคนที่กดขี่ข่มเหงได้ง่าย!"
"ซุนเหวินตงผู้ติดตามตะกูลไป๋!"ข้างหูของเสี่ยวเสวี่ยมีเสียงตักเตือนเสียงเบาจากน้าฉิน"คุณหนูครับเรื่องนี้ผมจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยไม่ได้หลินหยินคนเดียวไม่คุ้มที่จะให้พวกเราไปเป็นศัตรูกับตระกูลไป๋"
"มันก็จริงดูๆไปก่อนค่อยว่ากันอีกทีเถอะ!"แววตาของเสี่ยวเสวี่ยมีความลังเลใจเกิดขึ้นเช่นกันในฐานะที่เป็นตระกูลเชื้อสายพระราชวงศ์หนึ่งในแปดตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้อิทธิพลอำนาจของตระกูลไป๋พัฒนาขึ้นได้ไม่เลวเลยจะยอมเป็นศัตรูกับตระกูลไป๋เพียงเพราะหลินหยินคนเดียวมันดูไม่ค่อยเหมาะสมจริงๆ
"แกพูดมากเกินไปแล้ว!"
หลินหยินมองซุนเหวินตงพลางพูดอย่างเรียบนิ่ง
"ดีดีดี!"
สายตาของซุนเหวินตงมีความไม่พอใจเกิดขึ้นเล็กน้อย
"ไม่เคยมีคนกล้าพูดแบบนี้กับฉันมานานมากแล้วตอนแรกแกช่วยฉันกำจัดตัวถ่วงไปได้ตัวนึงฉันกะจะให้แกตายโดยที่สภาพศพยังสมบูรณ์แบบทุกอย่างแต่ตอนนี้ฉันจะให้แกตายโดยที่ไม่เหลือร่างศพไว้อีกเลย"
ซุนเหวินตงตะคอกเสียงดังอย่างโกรธกริ้วแผ่นหลังมีปีกสีดำกางออกคู่นึงพุ่งลงมาหาหลินหยินจากบนฟ้าทันที
"ผู้คนในโลกมนุษย์ต่างบอกว่าดินแดนแห่งความเป็นอมตะแข็งแกร่งวันนี้ฉันจะใช้ร่างกายของมนุษย์ทั่วไปเก็บกวาดดินแดนแห่งความเป็นอมตะ!"
แววตาของหลินหยินเยือกเย็นมากพลังพิศวงรอบกายฮึกเหิมจ้องเขม่นไปทางซุนเหวินตงที่กำลังบินพุ่งลงมาจากฟ้า
บนใบหน้าของซุนเหวินตงมีรอยยิ้มปนอยู่ด้วยแขนเสื้อกี่เพ้าโบกสะบัดไปมาทำให้มีมังกรดำสองตัวที่ยาวประมาณยี่สิบฟุตปรากฏตัวขึ้น
มังกรเทพเป็นสัตว์ที่มีความรุนแรงมาช้านานแล้วแต่มังกรที่เกิดจากกระบวนท่าของซุนเหวินตงดูเยือกเย็นมากใบหน้าดุร้าย
มังกรยาวลอยบินไปมาอยู่กลางอากาศบุคคลที่กำลังดูการต่อสู้ต่างรู้สึกว่าบรรยากาศรอบๆเริ่มเย็นลงมีความรู้สึกเย็นยะเยือก
"ช่างน่าเสียดายหลินหยินคนนี้จริงๆ!"น้าฉินถอนหายใจพลางพูด
การโจมตีในครั้งนี้ซุนเหวินตงได้ใช้แรงทั้งหมดของตัวเองไปเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์แล้วพลังออร่าที่น่าขนลุกขนาดนั้นถึงแม้จะเป็นเขาก็ต้องรับพลังนี้อย่างระมัดระวังหลินหยินเป็นแค่กึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะคนนึงเท่านั้นจะะสามารถต้านทานพลังของเขาได้ยังไง
"ผนึก!"
ใบหน้าของหลินหยินไร้อารมณ์แววตาเต็มไปด้วยความเยือกเย็นประสานนิ้วให้กลายเป็นดาบก่อนจะฟันขึ้นไปด้านบนทีนึง
พลังปราณดาบที่สว่างไสวพุ่งส่งขึ้นไปบนท้องฟ้าฟาดฟันไปหามังกรยาวที่ดำหม่นทั้งสองตัวอย่างกระทันหัน
"ไสหัวไป!"
ซุนเหวินตงตะคอกอย่างโกรธกริ้วทีนึงมังกรยาวที่ดำหม่นทั้งสองพุ่งกระโจนเข้าไปหาปราณดาบ
ปัง!
เสียงที่ดังสนั่นเกิดขึ้น
ปราณดับและมังกรยาวที่ดำหม่นทั้งสองหายวับไปบนฟ้าในเวลาเดียวกันควันหลงที่ปราณดาบและมังกรยาวที่ดำหม่นปะทะเข้าหากันทำให้ต้นไม้ดอกหญ้าที่อยู่บริเวณโดยรอบหนึ่งนพันเมตรมอดไหม้ไปทั้งหมดเลย
"ยุ่งยากจริงๆ!"
หลินหยินขมวดคิ้วเมื่อกี้ถึงแม้จะเป็นการประลองกันครั้งแรกแต่ว่าเขาสามารถสัมผัสได้ว่ายอดฝีมือดินแดงความเป็นอมตะมันยุ่งยากจริงๆอีกอย่างเขามีตอนนี้ยังไม่สามารถใช้คัมภีร์มังกรขั้นสูงสุดได้เนื่องจากมีศัตรูของสำนักมังกรที่อยู่ภายในอาณาจักรลับคุนหลุนถ้าเกิดทำให้คนอื่นรู้ว่าทักษะวิชาที่ตัวเองฝึกฝนคือคัมภีร์มังกรขั้นสูงสุดอาจจะดึงดูดความสนใจของยอดฝีมือที่เก่งกาจได้จึงทำได้แค่ใช้คัมภีร์ดาบที่หลิวไป๋อี้ให้มาต่อกรกับศัตรู
ถึงแม้พลังของคัมภีร์ดาบจะไม่ธรรมดาเหมือนกันแต่ยังไงก็ไม่ใช่ทักษะวิชาที่เขาถนัดมากที่สุดอยู่ดีถ้าอยากจะเก็บชีวิตดินแดนแห่งความเป็นอมตะอีกอย่างซุนเหวินตงได้นั้นก็ยากลำบากอยู่พอสมควร
ส่วนซุนเหวินตงที่อยู่บนฟ้าก็ได้ขมวดคิ้วเช่นกันเมื่อกี้เขาได้ใช้กำลังแรงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของตัวเองแล้วนะแต่ทว่าคิดไม่ถึงเลยว่าจะไม่สามารถเก็บกึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะเล็กๆแบบนี้ได้
‘จะเก็บเด็กนี้ไม่มีชีวิตต่อไปไม่ได้’
ซุนเหวินตงคิดในใจในช่วงอายุแบบนี้ก็สามารถมีพลังความสามารถที่มากขนาดนี้แล้วเมื่อเทียบกันแล้วแข็งแกร่งกว่าลูกหลานเชื้อสายตรงตระกูลไป๋ของเขาเสียอีกมีแต่เหล่าพระบุตรศักดิ์สิทธิ์ในตระกูลไป๋เท่านั้นที่จะสามารถต่อกรช่วงชิงกับหลินหยินได้
ถ้าไม่กำจัดหลินหยินในตอนนี้แล้วรอให้หลินหยินแข็งแกร่งขึ้นมาคนที่จะต้องซวยก็คือเขาแล้วล่ะ
"หลินหยินวันนี้ฉันจะทำให้แกได้รู้ว่าพลังของดินแดนแห่งความเป็นอมตะเป็นสิ่งที่ไม่สามารถล่วงเกินได้!"
ในระหว่างที่ซุนเหวินตงกำลังพูดอยู่นั้นบนตัวเขามีรังสีแห่งความภาคภูมิใจที่เหมือนจะกลืนกินคนทั้งโลกยังไงอย่างงั้น
ในฐานะที่เขาเป็นขุนนางต่างแดนของตระกูลไป๋ยอดฝีมือดินแดนแห่งความเป็นอมตะถือว่าเป็นคนชนชั้นสูงในอาณาจักรลับคุนหลุนเลยดินแดนอมตะและกึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะทั่วไปต่างเชื่อฟังคำสั่งของเขาบนตัวจึงมีกลิ่นอายแห่งความเผด็จการและดุร้ายอยู่ด้วย
"ใช่หรอ?"
แววตาของหลินหยินเยือกเย็นลง
ซุนเหวินตงอยากจะกำจัดเขาแล้วเขาจะไม่อยากกำจัดซุนเหวินตงหรอกหรอ
"อ๊าก!"
ซุนเหวินตงตะคอกเสียงดังออกมาจากปากทีนึงร่างกายของเขาหายวับไปกลายเป็นเราร่างที่จางและบางมากๆจากมุมที่แปลกประหลาดแล้วไปปรากฏอยู่ข้างกายหลินหยินอย่างไม่คาดคิดบนมือทั้งสองข้างต่างมีหน้าผีหน้านึงปรากฎบนฟันของหน้าผีมีแสงสีเขียวที่สว่างไสวสว่างจ้าอยู่ด้วยแค่ดูก็รู้เลยว่าด้านบนต้องมีพิษที่รุนแรงมากแน่นอน
เมื่อเผชิญหน้ากับการจู่โจมที่กระทันหันแบบนี้บนใบหน้าของหลินหยินไม่เพียงจะไม่มีความหวาดกลัวแต่กลับมีสีแห่งความสุขปรากฏ
"ดินแดนแห่งความเป็นอมตะคนนึงทำไมถึงได้มาในพื้นที่ที่ไม่ไม่ค่อยมีคนแบบนี้ด้วยอีกอย่างดูจากสภาพแล้วเหมือนดินแดนแห่งความเป็นอมตะคนนี้จะมีความแค้นบางอย่างกับหลินหยินอีกด้วย"แววตาของเสี่ยวเสวี่ยก็ดูเคร่งเครียดเช่นกันในอาณาจักรลับคุนหลุนไม่ค่อยได้เห็นยอดฝีมือดินแดนโลกอมตะเดินทางผ่านไปมาเท่าไหร่นักส่วนมากดินแดนแห่งความเป็นอมตะต่างเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลต่างๆ
"คลังสมบัติลับตี้เซียนที่นี่เคยมียอดฝีมือดินแดนโลกอมตะมาถึงแล้วของดีๆต่างถูกเอาไปหมดแล้วไม่ควรดึงดูดความสนใจของดินแดนแห่งความเป็นอมตะสิถึงจะถูกน่าจะมาเพราะไอ้หมอนั่นได้ก่อเรื่องบางอย่างไว้!"น้าฉินพูดเสียงต่ำ
"น้าฉินคะน้าสามารถหยุดดินแดนแห่งความเป็นอมตะคนนี้ได้ไหมคะ?"เสี่ยวเสวี่ยขมวดคิ้วพลางพูดเสียงเบา:"ถึงแม้อายุจะยังหนุ่มอยู่แต่พลังการต่อสู้ของหลินหยินไม่ธรรมดาเลยฉันอยากให้เขาไปเป็นตัวแทนของตระกูลเราเพื่อไปลงแข็งศิลปะการต่อสู้ค่ะ!"
"อะไรนะ!"
ภายในน้ำเสียงของน้าฉินเต็มไปด้วยความแปลกใจ"คุณหนูครับคุณต้องคิดดีๆนะครับคุณมีโอกาสสำหรับการเชิญชวนคนอื่นแค่ครั้งเดียวเท่านั้นนะครับอีกอย่างนี้จะส่งผลกระทบต่อทางเดินในอนาคตของคุณด้วยนะครับอันที่จริงเหล่าวัยรุ่นในตระกูลพวกนั้นก็ไม่เลวเหมือนกันนะอีกอย่างต่างเป็นคนที่รู้สึกสุดจิตสุดใจกับคุณอีกด้วย"
"น้าฉินคะน้าไม่ต้องพูดอะไรมากแล้วค่ะหนูรู้สึกว่าหลินหยินเหมาะสมที่สุดแล้ว!"เสี่ยวเสวี่ยพูดอย่างแน่วแน่
………
หลินหยินมองดูผู้ฝึกฝนที่ใส่ชุดกี่เพ้าสีแดงตรงหน้าแววตาดูเคร่งเครียดพลังออร่าบนตัวคนดังกล่าวไม่ใช่คนที่เหล่าบรรพบุรุษตระกูลเกาจะสามารถเทียบเคียงได้ด้วยซ้ำต้องเป็นยอดฝีมือดินแดนแห่งความเป็นอมตะแน่นอน
"คุณคือใคร?"
หลินหยินถามด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่ง
ถึงแม้ว่าพลังความสามารถของคนที่อยู่ตรงหน้านี้จะแข็งแกร่งมากแต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่สามารถประลองกับเขาได้
"ฉันคือใคร?"
ผู้ฝึกฝนชุดกี่เพ้าสีแดงหัวเราะอย่างได้ใจก่อนจะพูด:"สิบวันก่อนแกฆ่าศิษย์พี่ที่ไม่ได้เรื่องคนนั้นของฉันไปทำให้ฉันต้องรีบเดินทางมาจากภูเขาคุนซวีอย่างยาวไกลถึงแม้ว่าศิษย์พี่คนนั้นของฉันจะไม่ได้เรื่องแต่ก็ไม่ใช่คนที่แกจะสามารถไปแตะต้องได้เช่นกัน"
"คุณหมายถึงไอ้กระจอกนั่นหรอฆ่าตายแล้วก็ตายไปสิ!"หลินหยินตอบอย่างเรียบนิ่ง
"จองหองนักไอ้เด็กเมื่อวานซืน!"นัตตาของบรรพบุรุษตระกูลเกามีรังสีแห่งความสุขปรากฏเขาคิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อเผชิญหน้ากับยอดฝีมือที่ไม่รู้ความสามารถที่แท้จริงหลินหยินยังกล้าจองหองได้ขนาดนี้ตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีงามของพวกเขาพอดีเลย
ถ้าเกิดผู้ฝึกฝนชุดกี่เพ้าสีแดงคนนี้ไม่มาบางทีวันนี้พวกเขาอาจจะต้องจบชีวิตอยู่บนมือหลินหยินแล้วล่ะแต่ตอนนี้ไม่เพียงแค่พวกเขาจะไม่ตายแต่ยังสามารถตีสนิทกับยอดฝีมือดินแดนแห่งความเป็นอมตะคนหนึ่งได้อีกด้วย
คนอื่นๆที่เหลือต่างตะโกน‘อวดดีนัก’ในใจตอนแรกพวกเขากะจะเอ่ยปากพูดออกมาอยู่แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเกาเซวียนเอ่ยปากพูดขึ้นมาก่อนเป็นคนแรก
"หลินหยินวันนี้จะเป็นวันตายของแก"
"ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!"
คนอื่นๆที่เหลือก็ต่างพากันเอ่ยปากพูดขึ้นมาเช่นกัน
"รำคาญ!"
สีหน้าของผู้ฝึกฝนชุดกี่เพ้าสีแดงเปลี่ยนไปอย่างมากตบไปที่เกาเซวียนที่อยู่ใกล้กับเขามากที่สุดอย่างกระทันหัน
ปัง!
พลังฝ่ามือเดียวของดินแดนแห่งความเป็นอมตะรุนแรงมากแค่ไหนเกาเซวียนถูกผู้ฝึกฝนชุดกี่เพ้าสีแดงตบจนบินลอยออกไปทันทีแววตาเต็มไปด้วยความไม่คาดคิดไม่รู้ว่าทำไมยอดฝีมือท่านนี้ถึงได้ลงมือทำลายเขา
"รุ่นพี่ครับ!"
เกาเซวียนกระอักเลือดออกมาทีนึงพลางพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้นจ้องมองผู้ฝึกฝนชุดกี่เพ้าสีแดงอย่างหวาดผวา
ถันคังและฟางเปียวก็ตกใจกลัวจนใบหน้าขาวซีดเช่นกันก่อนจะถอยหลังกลับไปหลายก้าวโดยสัญชาตญาณยื่นออกห่างจากผู้ฝึกฝนชุดกี่เพ้าสีแดง
"ฉันกำลังพูดคุยกับมันถึงเวลาที่พวกแกจะเข้ามายุ่งเกี่ยวได้แล้วหรือ?"ผู้ฝึกฝนชุดกี่เพ้าสีแดงมองไปที่เกาเซวียนกระอักเลือดออกมาทีนึงก่อนจะเชิดหน้าเดินตรงไปหาหลินหยินและพูดอย่างเยือกเย็น:
"ถึงแม้ว่าฉันจำไม่ได้มีความสำคัญใดๆกับศิษย์พี่คนนั้นสำหรับฉันการที่เขาตายแล้วก็ถือว่าลดตัวถ่วงไปได้ตัวนึงแต่ถ้าฉันไม่ทำอะไรเลยคนในโลกมนุษย์ก็จะคิดว่าฉันซุนเหวินตงเป็นคนที่กดขี่ข่มเหงได้ง่าย!"
"ซุนเหวินตงผู้ติดตามตะกูลไป๋!"ข้างหูของเสี่ยวเสวี่ยมีเสียงตักเตือนเสียงเบาจากน้าฉิน"คุณหนูครับเรื่องนี้ผมจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยไม่ได้หลินหยินคนเดียวไม่คุ้มที่จะให้พวกเราไปเป็นศัตรูกับตระกูลไป๋"
"มันก็จริงดูๆไปก่อนค่อยว่ากันอีกทีเถอะ!"แววตาของเสี่ยวเสวี่ยมีความลังเลใจเกิดขึ้นเช่นกันในฐานะที่เป็นตระกูลเชื้อสายพระราชวงศ์หนึ่งในแปดตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้อิทธิพลอำนาจของตระกูลไป๋พัฒนาขึ้นได้ไม่เลวเลยจะยอมเป็นศัตรูกับตระกูลไป๋เพียงเพราะหลินหยินคนเดียวมันดูไม่ค่อยเหมาะสมจริงๆ
"แกพูดมากเกินไปแล้ว!"
หลินหยินมองซุนเหวินตงพลางพูดอย่างเรียบนิ่ง
"ดีดีดี!"
สายตาของซุนเหวินตงมีความไม่พอใจเกิดขึ้นเล็กน้อย
"ไม่เคยมีคนกล้าพูดแบบนี้กับฉันมานานมากแล้วตอนแรกแกช่วยฉันกำจัดตัวถ่วงไปได้ตัวนึงฉันกะจะให้แกตายโดยที่สภาพศพยังสมบูรณ์แบบทุกอย่างแต่ตอนนี้ฉันจะให้แกตายโดยที่ไม่เหลือร่างศพไว้อีกเลย"
ซุนเหวินตงตะคอกเสียงดังอย่างโกรธกริ้วแผ่นหลังมีปีกสีดำกางออกคู่นึงพุ่งลงมาหาหลินหยินจากบนฟ้าทันที
"ผู้คนในโลกมนุษย์ต่างบอกว่าดินแดนแห่งความเป็นอมตะแข็งแกร่งวันนี้ฉันจะใช้ร่างกายของมนุษย์ทั่วไปเก็บกวาดดินแดนแห่งความเป็นอมตะ!"
แววตาของหลินหยินเยือกเย็นมากพลังพิศวงรอบกายฮึกเหิมจ้องเขม่นไปทางซุนเหวินตงที่กำลังบินพุ่งลงมาจากฟ้า
บนใบหน้าของซุนเหวินตงมีรอยยิ้มปนอยู่ด้วยแขนเสื้อกี่เพ้าโบกสะบัดไปมาทำให้มีมังกรดำสองตัวที่ยาวประมาณยี่สิบฟุตปรากฏตัวขึ้น
มังกรเทพเป็นสัตว์ที่มีความรุนแรงมาช้านานแล้วแต่มังกรที่เกิดจากกระบวนท่าของซุนเหวินตงดูเยือกเย็นมากใบหน้าดุร้าย
มังกรยาวลอยบินไปมาอยู่กลางอากาศบุคคลที่กำลังดูการต่อสู้ต่างรู้สึกว่าบรรยากาศรอบๆเริ่มเย็นลงมีความรู้สึกเย็นยะเยือก
"ช่างน่าเสียดายหลินหยินคนนี้จริงๆ!"น้าฉินถอนหายใจพลางพูด
การโจมตีในครั้งนี้ซุนเหวินตงได้ใช้แรงทั้งหมดของตัวเองไปเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์แล้วพลังออร่าที่น่าขนลุกขนาดนั้นถึงแม้จะเป็นเขาก็ต้องรับพลังนี้อย่างระมัดระวังหลินหยินเป็นแค่กึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะคนนึงเท่านั้นจะะสามารถต้านทานพลังของเขาได้ยังไง
"ผนึก!"
ใบหน้าของหลินหยินไร้อารมณ์แววตาเต็มไปด้วยความเยือกเย็นประสานนิ้วให้กลายเป็นดาบก่อนจะฟันขึ้นไปด้านบนทีนึง
พลังปราณดาบที่สว่างไสวพุ่งส่งขึ้นไปบนท้องฟ้าฟาดฟันไปหามังกรยาวที่ดำหม่นทั้งสองตัวอย่างกระทันหัน
"ไสหัวไป!"
ซุนเหวินตงตะคอกอย่างโกรธกริ้วทีนึงมังกรยาวที่ดำหม่นทั้งสองพุ่งกระโจนเข้าไปหาปราณดาบ
ปัง!
เสียงที่ดังสนั่นเกิดขึ้น
ปราณดับและมังกรยาวที่ดำหม่นทั้งสองหายวับไปบนฟ้าในเวลาเดียวกันควันหลงที่ปราณดาบและมังกรยาวที่ดำหม่นปะทะเข้าหากันทำให้ต้นไม้ดอกหญ้าที่อยู่บริเวณโดยรอบหนึ่งนพันเมตรมอดไหม้ไปทั้งหมดเลย
"ยุ่งยากจริงๆ!"
หลินหยินขมวดคิ้วเมื่อกี้ถึงแม้จะเป็นการประลองกันครั้งแรกแต่ว่าเขาสามารถสัมผัสได้ว่ายอดฝีมือดินแดงความเป็นอมตะมันยุ่งยากจริงๆอีกอย่างเขามีตอนนี้ยังไม่สามารถใช้คัมภีร์มังกรขั้นสูงสุดได้เนื่องจากมีศัตรูของสำนักมังกรที่อยู่ภายในอาณาจักรลับคุนหลุนถ้าเกิดทำให้คนอื่นรู้ว่าทักษะวิชาที่ตัวเองฝึกฝนคือคัมภีร์มังกรขั้นสูงสุดอาจจะดึงดูดความสนใจของยอดฝีมือที่เก่งกาจได้จึงทำได้แค่ใช้คัมภีร์ดาบที่หลิวไป๋อี้ให้มาต่อกรกับศัตรู
ถึงแม้พลังของคัมภีร์ดาบจะไม่ธรรมดาเหมือนกันแต่ยังไงก็ไม่ใช่ทักษะวิชาที่เขาถนัดมากที่สุดอยู่ดีถ้าอยากจะเก็บชีวิตดินแดนแห่งความเป็นอมตะอีกอย่างซุนเหวินตงได้นั้นก็ยากลำบากอยู่พอสมควร
ส่วนซุนเหวินตงที่อยู่บนฟ้าก็ได้ขมวดคิ้วเช่นกันเมื่อกี้เขาได้ใช้กำลังแรงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของตัวเองแล้วนะแต่ทว่าคิดไม่ถึงเลยว่าจะไม่สามารถเก็บกึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะเล็กๆแบบนี้ได้
‘จะเก็บเด็กนี้ไม่มีชีวิตต่อไปไม่ได้’
ซุนเหวินตงคิดในใจในช่วงอายุแบบนี้ก็สามารถมีพลังความสามารถที่มากขนาดนี้แล้วเมื่อเทียบกันแล้วแข็งแกร่งกว่าลูกหลานเชื้อสายตรงตระกูลไป๋ของเขาเสียอีกมีแต่เหล่าพระบุตรศักดิ์สิทธิ์ในตระกูลไป๋เท่านั้นที่จะสามารถต่อกรช่วงชิงกับหลินหยินได้
ถ้าไม่กำจัดหลินหยินในตอนนี้แล้วรอให้หลินหยินแข็งแกร่งขึ้นมาคนที่จะต้องซวยก็คือเขาแล้วล่ะ
"หลินหยินวันนี้ฉันจะทำให้แกได้รู้ว่าพลังของดินแดนแห่งความเป็นอมตะเป็นสิ่งที่ไม่สามารถล่วงเกินได้!"
ในระหว่างที่ซุนเหวินตงกำลังพูดอยู่นั้นบนตัวเขามีรังสีแห่งความภาคภูมิใจที่เหมือนจะกลืนกินคนทั้งโลกยังไงอย่างงั้น
ในฐานะที่เขาเป็นขุนนางต่างแดนของตระกูลไป๋ยอดฝีมือดินแดนแห่งความเป็นอมตะถือว่าเป็นคนชนชั้นสูงในอาณาจักรลับคุนหลุนเลยดินแดนอมตะและกึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะทั่วไปต่างเชื่อฟังคำสั่งของเขาบนตัวจึงมีกลิ่นอายแห่งความเผด็จการและดุร้ายอยู่ด้วย
"ใช่หรอ?"
แววตาของหลินหยินเยือกเย็นลง
ซุนเหวินตงอยากจะกำจัดเขาแล้วเขาจะไม่อยากกำจัดซุนเหวินตงหรอกหรอ
"อ๊าก!"
ซุนเหวินตงตะคอกเสียงดังออกมาจากปากทีนึงร่างกายของเขาหายวับไปกลายเป็นเราร่างที่จางและบางมากๆจากมุมที่แปลกประหลาดแล้วไปปรากฏอยู่ข้างกายหลินหยินอย่างไม่คาดคิดบนมือทั้งสองข้างต่างมีหน้าผีหน้านึงปรากฎบนฟันของหน้าผีมีแสงสีเขียวที่สว่างไสวสว่างจ้าอยู่ด้วยแค่ดูก็รู้เลยว่าด้านบนต้องมีพิษที่รุนแรงมากแน่นอน
เมื่อเผชิญหน้ากับการจู่โจมที่กระทันหันแบบนี้บนใบหน้าของหลินหยินไม่เพียงจะไม่มีความหวาดกลัวแต่กลับมีสีแห่งความสุขปรากฏ
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.readmeapps.com All rights reserved