บทที่ 943 ปัญหามาแล้ว
by อาห่าว
08:01,Mar 31,2021
หลินหยินและน้าฉินเดินเข้ามาถึงด้านในของตึกเติงเทียนทันทีที่เข้าไปถึงก็เหมือนกับเข้าไปถึงสนามที่กว้างใหญ่ยังไงอย่างงั้น
ทั่วทั้งชั้นหนึ่งกว้างขวางมากๆ
ตั้งแต่ทางเข้าจนกระทั่งถึงที่นี่เรียบเป็นระเบียบและว่างเปล่ามากๆไม่ค่อยมีเฟอร์นิเจอร์เครื่องใช้ที่ลกหูลกตาเท่าไหร่นักมีแค่โต๊ะเก้าอี้สำหรับการรับประทานอาหารง่ายๆ
อีกอย่างผู้คนที่อยู่ในชั้นหนึ่งก็มีเยอะมากๆกันส่วนใหญ่เป็นนักสู้ที่อยู่ในระดับขั้นแท่นสวรรค์จนถึงระดับขั้นที่อยู่เหนือแท่นสวรรค์
หลังจากที่หลินหยินและน้าฉินเดินเข้ามาถึงไม่ได้เป็นที่สนใจของผู้คนแต่อย่างใด
"หลินหยินพวกเราขึ้นไปชั้นสี่กันเถอะอาหารของที่นั่นถึงแม้จะเป็นยอดฝีมือกึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะกินไปแล้วก็ถือว่ามีผลประโยชน์ที่ดีต่อร่างกายอยู่เล็กน้อย"
หลังจากที่พูดจบบนใบหน้าของน้าฉินมีรอยยิ้มแห่งการระลึกถึงปนอยู่ด้วยเล็กน้อย
องครักษ์ที่คอยเฝ้าอยู่บริเวณทางขึ้นบันไดของชั้นสองและชั้นสามหลังจากที่เห็นน้าฉินก็อนุญาตให้ขึ้นไปทันทีเลยไม่ได้เข้ามาสกัดห้ามเลยด้วยซ้ำแต่ว่าหลังจากที่ขึ้นไปถึงชั้นสี่คนที่ยืนเฝ้าอยู่ทางขึ้นบันไดคือนักสู้วัยกลางคนที่อยู่ในระดับขั้นกึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะคนนึง
"คุณฉินครับ!"
เห็นได้ชัดเลยว่านักสู้วัยกลางคนคนนี้รู้จักกับน้าฉิน
"คุณสามารถขึ้นไปได้ครับแต่ว่า…..."
ในระหว่างที่พูดสายตาของเขาได้หันไปมองบนตัวหลินหยินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"แต่ว่าอะไรครับ!"น้าฉินขมวดคิ้วลง
"ตึกเติงเทียนมีกฎเกณฑ์อยู่นะครับคนที่จะขึ้นไปถึงชั้นสี่ได้นั้นต้องมีเงื่อนไขสามอย่างหนึ่งก็คือมีชื่อเสียงที่โด่งดังมากพอสองคืออย่างน้อยต้องอยู่ในขั้นกึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะส่วนข้อสามคือมีทรัพยากรที่มากพอ"
นักสู้วัยกลางคนที่เป็นคนเฝ้าทางขึ้นอธิบาย
ความหมายที่จะสื่อนั้นชัดเจนมากพอแล้ว
น้าฉินสามารถขึ้นไปได้แต่หลินหยินขึ้นไปไม่ได้
หลินหยินที่อยู่ในอาณาจักรลับคุนหลุนไม่มีเสียงอะไรเลยและพลังการต่อสู้ของหลินหยินที่อยู่ในสายตาของนักสู้วัยกลางคนคนนี้ก็เป็นแค่คนธรรมดาทั่วไปคนนึงเท่านั้นไม่มีสิทธิ์ที่จะขึ้นไปเลยด้วยซ้ำ
น้าฉินส่ายหน้าไปมาแล้วยิ้มพลางพูด:"นายดูผิดไปแล้วน้องคนนี้ก็เป็นกึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะคนหนึ่งเช่นกัน"
"คุณฉินหยุดพูดเล่นได้แล้วครับ!"นักสู้วัยกลางคนมองหลินหยินพลางพูดอย่างดูหมิ่น
เห็นได้ชัดเลยว่าเขาไม่ได้คิดว่าหลินหยินมีพลังความสามารถในระดับกึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะ
และในตอนนี้เองเทพธิดาหลีเหมิงก็ได้ขึ้นมาพร้อมกันกับผู้พิทักษ์ของเธอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
รอบกายของเธอในตอนนี้มีคนเดินตามแค่หกเจ็ดคนเท่านั้นกึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะสองคนที่ลงมือต่อหลินหยินและฮั้วซินเสียนก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยเช่นกัน
ชั้นสองของตึกเติงเทียนเป็นชั้นที่ให้สำหรับนักสู้ในระดับขั้นดินแดนอมตะชั้นสามไว้สำหรับนักสู้ในระดับขั้นดินแดนอมตะขั้นสูงสุดชั้นสี่คือกึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะส่วนตั้งแต่ชั้นห้าเป็นต้นไปมีแต่นักสู้ที่อยู่ในระดับขั้นที่สูงกว่าดินแดนแห่งความเป็นอมตะเท่านั้นถึงจะสามารถขึ้นไปได้
ณตอนนี้เห็นว่าหลินหยินถูกสกัดกั้นไว้ที่ชั้นสามผู้คนที่เดินตามหลังเทพธิดาหลีเหมิงมาต่างมีความรู้สึกที่เยาะเย้ยปรากฏบนใบหน้า
‘เมื่อกี้ถึงแม้จะเก่งมากแล้วยังไงตอนนี้ก็โดนสกัดกั้นไว้ที่ชั้นสามอยู่ดีขึ้นไปชั้นสี่ไม่ได้’
ฮั้วซินเสียนทั้งสามคนหาที่นั่งนั่งลงในชั้นสามเทพธิดาหลีเหมิงพากึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะสองคนมุ่งหน้าเดินขึ้นไปยังชั้นสี่
"รุ่นพี่คะพวกเราจะขึ้นไปชั้นสี่ค่ะ"
"เชิญครับ!"
นักสู้วัยกลางคนพยักหน้าก็จะหลีกทางให้แล้วปล่อยให้เทพธิดาหลีเหมิงทั้งสามคนเดินขึ้นไป
เทพธิดาหลีเหมิงทั้งสามคนเดินขึ้นไปกึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะทั้งสองคนยังได้หันมายิ้มให้หลินหยินอย่างเยาะเย้ยอีกด้วย
"ต้องพิสูจน์ยังไงหรอครับ"
หลินหยินมองนักสู้วัยกลางคนพลางพูดอย่างเรียบนิ่ง
"รับหมัดนึงของฉันให้ได้ก็พอแล้ว!"
"ลงมือเถอะ!"
ปัง!
ชายวัยกลางคนชกหมัดออกมาอย่างกระทันหันหลินหยินไม่ได้หลบหนีแต่อย่างใดปล่อยให้นักสู้วัยกลางคนชกหมัดเข้ามาแม้กระทั่งขยับยังไม่เคยขยับเลยสักนิด
"เชิญครับ!"
สีหน้าอารมณ์ของนักสู้วัยกลางคนเริ่มดูเคารพนับถือขึ้นมาไม่น้อยเลยถึงแม้ว่าหมัดในเมื่อกี้เขาจะไม่ได้ใช้กำลังแรงทั้งหมดที่มีแต่ดินแดนอมตะขั้นสูงสุดทั่วไปเมื่อโดนหมัดนี้แล้วต้องได้รับบาดเจ็บแน่นอนแต่ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านี้กลับไม่ได้เป็นอะไรเลยสักนิดแค่เงาร่างยังไม่เคยขยับเลยด้วยซ้ำเขาต้องมีพลังความสามารถในระดับกึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะแน่นอน
อีกอย่างเขารู้สึกว่าคนๆนี้แข็งแกร่งกว่าเหล่ากึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะทั้งหมดที่เขาเคยเจอมาอีก
‘ตัวประหลาดจากไหนเนี่ย!’
มองดูเงาหลังของหลินหยินนักสู้วัยกลางคนคิดในใจ
"เป็นไปได้ยังไงมันขึ้นไปได้งั้นหรอ!"
ฮั้วซินเสียนกำตะเกียบในมืออย่างแน่นพลางจ้องแขม่นไปทางแผ่นหลังของหลินหยินสายตาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่โกรธแค้น
เมื่อเทียบชั้นสี่ของตึกเติงเทียนกับฉันที่อยู่ด้านล่างเห็นได้ชัดเลยว่าที่นี่ไม่ค่อยยุ่งเหยิงขนาดนั้น
ชั้นสี่ในเวลานี้มีคนอยู่แค่สิบกว่าคนเอง
ซึ่งภายในนี้คนหนุ่มสาวจะมีมากกว่า
จับตัวกันเป็นกลุ่มกลุ่มละสองสามคน
มีแต่ฝั่งเทพธิดาหลีเหมิงที่มีคนรวมกันอยู่ประมาณเจ็ดแปดคน
"โอ๊ะนี่มันน้าฉินไม่ใช่หรอครับ?พามันมาตึกเติงเทียนไม่กลัวเกิดเรื่องหรอครับ?"
ชายหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างๆเทพธิดาหลีเหมิงค่อยๆลุกตัวยืนขึ้นมาก่อนจะเอ่ยปากพูด
น้าฉินกวาดตามองไป
ส่ายหน้าไปมาก่อนจะหันไปพูดกับหลินหยิน:"คนคนนี้มีชื่อว่าหลี่เซียนเป็นพี่น้องของตระกูลหลีหลัวและเป็นคนในเชื้อสายเดียวกันกับคุณชายหลงด้วย"
"เป็นแค่กระจอกตัวเดียวเท่านั้นแหละ!"
หลินหยินพูดอย่างเรียบนิ่ง
หลี่เซียนค่อยๆเดินตรงเข้าไปในทิศทางของหลินหยินและน้าฉินอย่างไม่รีบไม่ร้อนก่อนจะพูดเสียงเบา:"เด็กน้อยแกกล้าทำร้ายหลีหลัวจนได้รับบาดเจ็บดูจากท่าแล้วจะไม่ได้เอาคุณชายหลงมาไว้ในสายตาเลยสินะถ้าเกิดวันนี้แกไปลาออกจากตำแหน่งผู้ติดตามของตระกูลซวนหยวนด้วยตัวเองฉันจะไว้ชีวิตแกสักครั้ง!"
"หลี่เซียนอย่าเกินไปหน่อยนะตำแหน่งผู้ติดตามของหลินหยินนายท่านสี่เป็นคนแต่งตั้งขึ้นมาเองนะ"น้าฉินพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น
เขาไม่ใช่ผู้ติดตามของเชื้อสายซวนหยวนหลงตั้งแต่แรกอยู่แล้วไปผูกติดกับเชื้อสายของซวนหยวนเสี่ยวเสวี่ยมาตั้งนานแล้วจึงจะปล่อยให้หลี่เซียนมาข่มขู่หลินหยินไม่ได้เป็นธรรมดาอยู่แล้ว
"ฉินเฉาเรื่องของพวกวัยรุ่นก็ปล่อยให้พวกวัยรุ่นจัดการเองไปเถอะนายจะเข้าไปยุ่งด้วยทำไม!"
และในตอนนี้เองเงาร่างร่างหนึ่งเดินได้ลงมาจากชั้นห้ามองดูน้าฉินพลางพูดอย่างเยือกเย็น
"ขึ้นมาดื่มกับฉันสักแก้วจะดีกว่าไหม!"
"จินเซวียน!"
สีหน้าของน้าฉินเคร่งเครียดจินเซวียนเป็นผู้ติดตามดินแดนแห่งความเป็นอมตะในเชื้อสายของซวนหยวนหลงตอนนี้เขาดูเหมือนจะมาด้วยความไม่เป็นมิตรเท่าไหร่นัก
"น้าฉินครับคุณขึ้นไปเถอะครับเรื่องเล็กๆแค่นี้ผมสามารถจัดการเองได้ครับ!"
หลินหยินมองจินเซวียนรอบนึงก่นอจะพูดอย่างเรียบนิ่ง
"ได้เดี๋ยวไม่ว่าจะทะเลาะกันเหตุการณ์บานปลายมากแค่ไหนจินเซวียนก็ลงมาจากชั้นห้าไม่ได้ภายในตึกเติงเทียนอนุญาตให้ลงมือต่อสู้ได้อยู่!"น้าฉินมองหลินหยินอย่างลึกซึ้งพลางพูด
เขารู้ระดับพลังความสามารถของน้าฉินอยู่ถึงแม้จะเป็นเขาที่ต้องเผชิญหน้ากับหลินหยินก็คงต้องเสียเปรียบแน่นอนรุ่นหลังพวกนี้จะเป็นคู่ต่อสู้ของหลินหยินได้ยังไงถึงตอนนั้นก็จะเป็นเวลาที่จินเซวียนได้เสียใจทีหลังแล้วล่ะ
"อื้ม!"
หลินหยินพยักหน้าก่อนจะเชิดหน้าเดินตรงเข้าไปในโต๊ะที่ไม่มีคนนั่ง
ผู้คนทั้งหมดที่อยู่ในชั้นสี่ต่างมองไปทางหลินหยินด้วยสายตาที่สงสัยพลังความสามารถของหลี่เซียนและเทพธิดาหลีเหมิงเป็นยังไงพวกเขารู้ดีอยู่ไอ้หมอนี่ที่อยู่ตรงหน้านี้มีปัหลินหยินาอย่างไรกันถึงสามารถทำให้ทั้งสองร่วมมือกันได้นี่จึงเป็นจุดที่ทำให้พวกเขารู้สึกสงสัยเล็กน้อย
เมื่อเห็นว่าน้าฉินเดินขึ้นไปชั้นห้าแล้วหลี่เซียนกับเทพธิดาหลีเหมิงและผู้พิทักษ์ทั้งสองคนของเทพธิดาหลีเหมิงต่างสบตากันครั้งหนึ่งทั้งสามคนเชิดหน้าพลางเดินเข้าไปในโต๊ะที่หลินหยินกำลังนั่ง
"ตอนนี้ไอ้ตาแก่ฉินเฉานั่นไม่อยู่แล้วแกยังจะห้าวหาญได้อีกหรือเปล่า?"หลี่เซียนเชิดหน้าเดินเข้าไปนั่งตรงข้ามหลินหยินก่อนจะพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเยาะเย้ย
"เด็กน้อยเมื่อกี้ก็คิดว่าแกจะเป็นเชื้อสายหลักของตระกูลซวยหยวนซะอีกคิดไม่ถึงเลยว่าเป็นแค่คนบ้านนอกคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่ามาจากที่ไหน!"
"วันนี้ในตึกเติงเทียนนี้จะเป็นวันตายของแก!"
"กับกระจอกสามตัวอย่างพวกแกอะนะ?"หลินหยินกวาดตามองเทพธิดาหลีเหมิงและคนอื่นๆรอบนึงก่อนจะพูด:"พวกมันไม่เข้าร่วมด้วยหรอกหรอ?"
ทั่วทั้งชั้นหนึ่งกว้างขวางมากๆ
ตั้งแต่ทางเข้าจนกระทั่งถึงที่นี่เรียบเป็นระเบียบและว่างเปล่ามากๆไม่ค่อยมีเฟอร์นิเจอร์เครื่องใช้ที่ลกหูลกตาเท่าไหร่นักมีแค่โต๊ะเก้าอี้สำหรับการรับประทานอาหารง่ายๆ
อีกอย่างผู้คนที่อยู่ในชั้นหนึ่งก็มีเยอะมากๆกันส่วนใหญ่เป็นนักสู้ที่อยู่ในระดับขั้นแท่นสวรรค์จนถึงระดับขั้นที่อยู่เหนือแท่นสวรรค์
หลังจากที่หลินหยินและน้าฉินเดินเข้ามาถึงไม่ได้เป็นที่สนใจของผู้คนแต่อย่างใด
"หลินหยินพวกเราขึ้นไปชั้นสี่กันเถอะอาหารของที่นั่นถึงแม้จะเป็นยอดฝีมือกึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะกินไปแล้วก็ถือว่ามีผลประโยชน์ที่ดีต่อร่างกายอยู่เล็กน้อย"
หลังจากที่พูดจบบนใบหน้าของน้าฉินมีรอยยิ้มแห่งการระลึกถึงปนอยู่ด้วยเล็กน้อย
องครักษ์ที่คอยเฝ้าอยู่บริเวณทางขึ้นบันไดของชั้นสองและชั้นสามหลังจากที่เห็นน้าฉินก็อนุญาตให้ขึ้นไปทันทีเลยไม่ได้เข้ามาสกัดห้ามเลยด้วยซ้ำแต่ว่าหลังจากที่ขึ้นไปถึงชั้นสี่คนที่ยืนเฝ้าอยู่ทางขึ้นบันไดคือนักสู้วัยกลางคนที่อยู่ในระดับขั้นกึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะคนนึง
"คุณฉินครับ!"
เห็นได้ชัดเลยว่านักสู้วัยกลางคนคนนี้รู้จักกับน้าฉิน
"คุณสามารถขึ้นไปได้ครับแต่ว่า…..."
ในระหว่างที่พูดสายตาของเขาได้หันไปมองบนตัวหลินหยินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"แต่ว่าอะไรครับ!"น้าฉินขมวดคิ้วลง
"ตึกเติงเทียนมีกฎเกณฑ์อยู่นะครับคนที่จะขึ้นไปถึงชั้นสี่ได้นั้นต้องมีเงื่อนไขสามอย่างหนึ่งก็คือมีชื่อเสียงที่โด่งดังมากพอสองคืออย่างน้อยต้องอยู่ในขั้นกึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะส่วนข้อสามคือมีทรัพยากรที่มากพอ"
นักสู้วัยกลางคนที่เป็นคนเฝ้าทางขึ้นอธิบาย
ความหมายที่จะสื่อนั้นชัดเจนมากพอแล้ว
น้าฉินสามารถขึ้นไปได้แต่หลินหยินขึ้นไปไม่ได้
หลินหยินที่อยู่ในอาณาจักรลับคุนหลุนไม่มีเสียงอะไรเลยและพลังการต่อสู้ของหลินหยินที่อยู่ในสายตาของนักสู้วัยกลางคนคนนี้ก็เป็นแค่คนธรรมดาทั่วไปคนนึงเท่านั้นไม่มีสิทธิ์ที่จะขึ้นไปเลยด้วยซ้ำ
น้าฉินส่ายหน้าไปมาแล้วยิ้มพลางพูด:"นายดูผิดไปแล้วน้องคนนี้ก็เป็นกึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะคนหนึ่งเช่นกัน"
"คุณฉินหยุดพูดเล่นได้แล้วครับ!"นักสู้วัยกลางคนมองหลินหยินพลางพูดอย่างดูหมิ่น
เห็นได้ชัดเลยว่าเขาไม่ได้คิดว่าหลินหยินมีพลังความสามารถในระดับกึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะ
และในตอนนี้เองเทพธิดาหลีเหมิงก็ได้ขึ้นมาพร้อมกันกับผู้พิทักษ์ของเธอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
รอบกายของเธอในตอนนี้มีคนเดินตามแค่หกเจ็ดคนเท่านั้นกึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะสองคนที่ลงมือต่อหลินหยินและฮั้วซินเสียนก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยเช่นกัน
ชั้นสองของตึกเติงเทียนเป็นชั้นที่ให้สำหรับนักสู้ในระดับขั้นดินแดนอมตะชั้นสามไว้สำหรับนักสู้ในระดับขั้นดินแดนอมตะขั้นสูงสุดชั้นสี่คือกึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะส่วนตั้งแต่ชั้นห้าเป็นต้นไปมีแต่นักสู้ที่อยู่ในระดับขั้นที่สูงกว่าดินแดนแห่งความเป็นอมตะเท่านั้นถึงจะสามารถขึ้นไปได้
ณตอนนี้เห็นว่าหลินหยินถูกสกัดกั้นไว้ที่ชั้นสามผู้คนที่เดินตามหลังเทพธิดาหลีเหมิงมาต่างมีความรู้สึกที่เยาะเย้ยปรากฏบนใบหน้า
‘เมื่อกี้ถึงแม้จะเก่งมากแล้วยังไงตอนนี้ก็โดนสกัดกั้นไว้ที่ชั้นสามอยู่ดีขึ้นไปชั้นสี่ไม่ได้’
ฮั้วซินเสียนทั้งสามคนหาที่นั่งนั่งลงในชั้นสามเทพธิดาหลีเหมิงพากึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะสองคนมุ่งหน้าเดินขึ้นไปยังชั้นสี่
"รุ่นพี่คะพวกเราจะขึ้นไปชั้นสี่ค่ะ"
"เชิญครับ!"
นักสู้วัยกลางคนพยักหน้าก็จะหลีกทางให้แล้วปล่อยให้เทพธิดาหลีเหมิงทั้งสามคนเดินขึ้นไป
เทพธิดาหลีเหมิงทั้งสามคนเดินขึ้นไปกึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะทั้งสองคนยังได้หันมายิ้มให้หลินหยินอย่างเยาะเย้ยอีกด้วย
"ต้องพิสูจน์ยังไงหรอครับ"
หลินหยินมองนักสู้วัยกลางคนพลางพูดอย่างเรียบนิ่ง
"รับหมัดนึงของฉันให้ได้ก็พอแล้ว!"
"ลงมือเถอะ!"
ปัง!
ชายวัยกลางคนชกหมัดออกมาอย่างกระทันหันหลินหยินไม่ได้หลบหนีแต่อย่างใดปล่อยให้นักสู้วัยกลางคนชกหมัดเข้ามาแม้กระทั่งขยับยังไม่เคยขยับเลยสักนิด
"เชิญครับ!"
สีหน้าอารมณ์ของนักสู้วัยกลางคนเริ่มดูเคารพนับถือขึ้นมาไม่น้อยเลยถึงแม้ว่าหมัดในเมื่อกี้เขาจะไม่ได้ใช้กำลังแรงทั้งหมดที่มีแต่ดินแดนอมตะขั้นสูงสุดทั่วไปเมื่อโดนหมัดนี้แล้วต้องได้รับบาดเจ็บแน่นอนแต่ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านี้กลับไม่ได้เป็นอะไรเลยสักนิดแค่เงาร่างยังไม่เคยขยับเลยด้วยซ้ำเขาต้องมีพลังความสามารถในระดับกึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะแน่นอน
อีกอย่างเขารู้สึกว่าคนๆนี้แข็งแกร่งกว่าเหล่ากึ่งดินแดนแห่งความเป็นอมตะทั้งหมดที่เขาเคยเจอมาอีก
‘ตัวประหลาดจากไหนเนี่ย!’
มองดูเงาหลังของหลินหยินนักสู้วัยกลางคนคิดในใจ
"เป็นไปได้ยังไงมันขึ้นไปได้งั้นหรอ!"
ฮั้วซินเสียนกำตะเกียบในมืออย่างแน่นพลางจ้องแขม่นไปทางแผ่นหลังของหลินหยินสายตาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่โกรธแค้น
เมื่อเทียบชั้นสี่ของตึกเติงเทียนกับฉันที่อยู่ด้านล่างเห็นได้ชัดเลยว่าที่นี่ไม่ค่อยยุ่งเหยิงขนาดนั้น
ชั้นสี่ในเวลานี้มีคนอยู่แค่สิบกว่าคนเอง
ซึ่งภายในนี้คนหนุ่มสาวจะมีมากกว่า
จับตัวกันเป็นกลุ่มกลุ่มละสองสามคน
มีแต่ฝั่งเทพธิดาหลีเหมิงที่มีคนรวมกันอยู่ประมาณเจ็ดแปดคน
"โอ๊ะนี่มันน้าฉินไม่ใช่หรอครับ?พามันมาตึกเติงเทียนไม่กลัวเกิดเรื่องหรอครับ?"
ชายหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างๆเทพธิดาหลีเหมิงค่อยๆลุกตัวยืนขึ้นมาก่อนจะเอ่ยปากพูด
น้าฉินกวาดตามองไป
ส่ายหน้าไปมาก่อนจะหันไปพูดกับหลินหยิน:"คนคนนี้มีชื่อว่าหลี่เซียนเป็นพี่น้องของตระกูลหลีหลัวและเป็นคนในเชื้อสายเดียวกันกับคุณชายหลงด้วย"
"เป็นแค่กระจอกตัวเดียวเท่านั้นแหละ!"
หลินหยินพูดอย่างเรียบนิ่ง
หลี่เซียนค่อยๆเดินตรงเข้าไปในทิศทางของหลินหยินและน้าฉินอย่างไม่รีบไม่ร้อนก่อนจะพูดเสียงเบา:"เด็กน้อยแกกล้าทำร้ายหลีหลัวจนได้รับบาดเจ็บดูจากท่าแล้วจะไม่ได้เอาคุณชายหลงมาไว้ในสายตาเลยสินะถ้าเกิดวันนี้แกไปลาออกจากตำแหน่งผู้ติดตามของตระกูลซวนหยวนด้วยตัวเองฉันจะไว้ชีวิตแกสักครั้ง!"
"หลี่เซียนอย่าเกินไปหน่อยนะตำแหน่งผู้ติดตามของหลินหยินนายท่านสี่เป็นคนแต่งตั้งขึ้นมาเองนะ"น้าฉินพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น
เขาไม่ใช่ผู้ติดตามของเชื้อสายซวนหยวนหลงตั้งแต่แรกอยู่แล้วไปผูกติดกับเชื้อสายของซวนหยวนเสี่ยวเสวี่ยมาตั้งนานแล้วจึงจะปล่อยให้หลี่เซียนมาข่มขู่หลินหยินไม่ได้เป็นธรรมดาอยู่แล้ว
"ฉินเฉาเรื่องของพวกวัยรุ่นก็ปล่อยให้พวกวัยรุ่นจัดการเองไปเถอะนายจะเข้าไปยุ่งด้วยทำไม!"
และในตอนนี้เองเงาร่างร่างหนึ่งเดินได้ลงมาจากชั้นห้ามองดูน้าฉินพลางพูดอย่างเยือกเย็น
"ขึ้นมาดื่มกับฉันสักแก้วจะดีกว่าไหม!"
"จินเซวียน!"
สีหน้าของน้าฉินเคร่งเครียดจินเซวียนเป็นผู้ติดตามดินแดนแห่งความเป็นอมตะในเชื้อสายของซวนหยวนหลงตอนนี้เขาดูเหมือนจะมาด้วยความไม่เป็นมิตรเท่าไหร่นัก
"น้าฉินครับคุณขึ้นไปเถอะครับเรื่องเล็กๆแค่นี้ผมสามารถจัดการเองได้ครับ!"
หลินหยินมองจินเซวียนรอบนึงก่นอจะพูดอย่างเรียบนิ่ง
"ได้เดี๋ยวไม่ว่าจะทะเลาะกันเหตุการณ์บานปลายมากแค่ไหนจินเซวียนก็ลงมาจากชั้นห้าไม่ได้ภายในตึกเติงเทียนอนุญาตให้ลงมือต่อสู้ได้อยู่!"น้าฉินมองหลินหยินอย่างลึกซึ้งพลางพูด
เขารู้ระดับพลังความสามารถของน้าฉินอยู่ถึงแม้จะเป็นเขาที่ต้องเผชิญหน้ากับหลินหยินก็คงต้องเสียเปรียบแน่นอนรุ่นหลังพวกนี้จะเป็นคู่ต่อสู้ของหลินหยินได้ยังไงถึงตอนนั้นก็จะเป็นเวลาที่จินเซวียนได้เสียใจทีหลังแล้วล่ะ
"อื้ม!"
หลินหยินพยักหน้าก่อนจะเชิดหน้าเดินตรงเข้าไปในโต๊ะที่ไม่มีคนนั่ง
ผู้คนทั้งหมดที่อยู่ในชั้นสี่ต่างมองไปทางหลินหยินด้วยสายตาที่สงสัยพลังความสามารถของหลี่เซียนและเทพธิดาหลีเหมิงเป็นยังไงพวกเขารู้ดีอยู่ไอ้หมอนี่ที่อยู่ตรงหน้านี้มีปัหลินหยินาอย่างไรกันถึงสามารถทำให้ทั้งสองร่วมมือกันได้นี่จึงเป็นจุดที่ทำให้พวกเขารู้สึกสงสัยเล็กน้อย
เมื่อเห็นว่าน้าฉินเดินขึ้นไปชั้นห้าแล้วหลี่เซียนกับเทพธิดาหลีเหมิงและผู้พิทักษ์ทั้งสองคนของเทพธิดาหลีเหมิงต่างสบตากันครั้งหนึ่งทั้งสามคนเชิดหน้าพลางเดินเข้าไปในโต๊ะที่หลินหยินกำลังนั่ง
"ตอนนี้ไอ้ตาแก่ฉินเฉานั่นไม่อยู่แล้วแกยังจะห้าวหาญได้อีกหรือเปล่า?"หลี่เซียนเชิดหน้าเดินเข้าไปนั่งตรงข้ามหลินหยินก่อนจะพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเยาะเย้ย
"เด็กน้อยเมื่อกี้ก็คิดว่าแกจะเป็นเชื้อสายหลักของตระกูลซวยหยวนซะอีกคิดไม่ถึงเลยว่าเป็นแค่คนบ้านนอกคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่ามาจากที่ไหน!"
"วันนี้ในตึกเติงเทียนนี้จะเป็นวันตายของแก!"
"กับกระจอกสามตัวอย่างพวกแกอะนะ?"หลินหยินกวาดตามองเทพธิดาหลีเหมิงและคนอื่นๆรอบนึงก่อนจะพูด:"พวกมันไม่เข้าร่วมด้วยหรอกหรอ?"
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.readmeapps.com All rights reserved